‘ดร.อนันต์’เผยผลวิจัย “วัคซีนเข็ม 3″ยังไม่พอ เมื่อเจอ “โอมิครอน”

'ดร.อนันต์'เผยผลวิจัย "วัคซีนเข็ม 3"ยังไม่พอ เมื่อเจอ "โอมิครอน"

วันที่ 10 ธ.ค. 2564  ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ว่า ทีมวิจัยที่เมือง Cape town ของแอฟริกาใต้แสดงข้อมูลของผู้ป่วยชาวเยอรมัน 7 คน (ชาย 2 หญิง 5) อายุเฉลี่ย 27.7 ปี (25-39 ปี) ที่ติดไวรัสโอมิครอน (ยืนยันด้วย sequencingแล้ว) ในขณะพำนักอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ โดยผู้ป่วยทั้ง 7 คน ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม โดย 5 คนได้ PZ 3 เข็มแล้ว โดยเข็มที่ 3 ได้ประมาณช่วง ตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนอีก 1 คนได้เข็ม PZx2 และ เข็มสามเป็น MDN เต็มโดสตั้งแต่ 3 ตุลาคม และ อีก 1 คนได้เข็มไขว้ AZ-PZ และ ได้เข็มสามเป็น PZ วันที่ 26 ตุลาคม โดยสรุปคือ ทุกคนได้เข็มกระตุ้นมาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการระบาดของโอมิครอนในเมืองนี้ของแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสภาวะที่ภูมิหลังเข็มสามยัง active เต็มที่

ทั้ง 7 คน มีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล อาการที่เห็นชัดในผู้ป่วยคือ ไอแห้ง เจ็บคอ เยื่อบุจมูกอักเสบ หายใจไม่สะดวก อ่อนเพลีย เมื่อตรวจปริมาณไวรัสในตัวอย่างของผู้ป่วยแต่ละคน พบว่า ไวรัสในตัวอย่างมีปริมาณค่อนข้างสูง 1.41 x 10e4 ถึง 1.65 x 10e8 (เฉลี่ย 4.16 x 10e7 copies/ml) ซึ่งพบว่าจุดสูงสุดของไวรัสคือ วันที่ 4 หลังแสดงอาการ ถ้าเทียบดูปริมาณไวรัสโดยเฉลี่ยของโควิดโดยทั่วไปคือ 6.76 x 10e5 copies/ml ที่ 5 วันหลังมีอาการ ทำให้อาจเป็นไปได้ที่ โอมิครอนจะสามารถเพิ่มจำนวนได้ดีกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่ข้อมูลยังน้อยเกินไปที่จะสรุปในตอนนี้
ที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยที่ 6 ใน 7 คน มีค่าแอนติบอดีในเลือดที่วัดในหน่วย AU/ml สูงเกินหมื่นทุกคน ผู้ป่วยรายที่ 2 ที่มีปริมาณไวรัสสูงสุดเป็นผู้ที่มีแอนติบอดีสูงถึงมากกว่า 40000 AU/ml ซึ่งชัดว่าปริมาณแอนติบอดีสูงๆด้วยการวัดวิธีนี้ไม่สามารถอนุมานต่อได้ว่าจะป้องกันการติดเชื้อโอมิครอนได้
ข้อมูลชุดนี้บอกว่า ภูมิจากเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนในปัจจุบันคงจะไม่เพียงพอต่อการป้องกัน “การติดเชื้อ” เข้าสู่ร่างกายของไวรัสโอมิครอน แต่ที่ชัดเจนคือ “อาการหลังติดเชื้อไม่หนัก” และ สามารถรักษาตัวเองให้หายได้ในเวลาไม่นาน ปริมาณไวรัสที่อยู่ในร่างกายของผู้ป่วยเหล่านั้นไม่น้อยและแพร่กระจายได้ การรับมือกับโอมิครอนคงจะพึ่งวัคซีนอย่างเดียวไม่ได้ครับ เครื่องมืออื่นๆคงต้องพร้อม

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แองเจิล หยิน หวดสถิติใหม่ 28 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 จีโน่-อาฒยา ดีสุดของไทยได้อันดับ 3  แพตตี้-ปภังกร โม-โมรียา อันดับ 4 ร่วม
"พุทธิพงษ์" หนุน "บ้านเพื่อคนไทย" ชี้ควรทำอย่างโปร่งใส กระจายโอกาสถึงผู้มีรายได้น้อยให้ครบทุกภูมิภาค
"อดีตสว.สมชาย" เผย "ท็อปนิวส์" ละเอียดยิบ ขบวนการทุจริต "ฮั้วเลือกสว." ลั่น "ดีเอสไอ" ต้องรับเป็นคดีพิเศษ
"ไทย-กัมพูชา" บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมืองปอยเปต พบคนไทยกว่า 100 คน เตรียมส่งกลับประเทศพรุ่งนี้
"จุฬาราชมนตรี" แถลงเตรียมจัดงาน "เมาลิดกลาง แห่งประเทศไทย" ครั้งที่ 59 เริ่ม 18- 20 เม.ย.นี้
จนท.รวบ "หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย" หอบเงิน 15.7 ล้าน เข้าไทย อ้างเล่นพนันได้จากฝั่งปอยเปต
โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น