ประเด็นร้อนการเมืองตอนนี้ไม่มีเรื่องใด จะร้อนแรงไปกว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอดีต 5 แกนนำกปปส.สิ้นสุดลง ประกอบด้วย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มี 3 คน ที่โดนหางเลขเรื่องนี้ไปแบบเต็มๆ คือ ถาวร เสนเนียม ส.ส.เขต 6 จ.สงขลา , ชุมพล จุลใส ส.ส.เขต 1 จ.ชุมพร และ อิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะฉะนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่าใน 2 เขตของถาวรกับชุมพลจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ ล่าสุดวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลเรือแป๊ะออกมาเปิดเผยแล้วว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งซ่อมส.ส. เขต 1 จ.ชุมพร และ เขต 6 จ.สงขลา มาแล้ว จากนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. ในสัปดาห์หน้า (14ธ.ค.) เพื่อออกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งซ่อมใน 2 เขต ส่วนกำหนดวันเลือกตั้งกกต. จะเป็นผู้กำหนด โดยต้องเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด คือ ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน อย่างเร็วที่สุดที่จะจัดเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 เขตได้น่าจะอยู่ราวกลางเดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป
ทั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เจ้าของเก้าอี้เดิมในการเลือกตั้งทั้ง 2 เขต ล่าสุดแม้จะมีคนแสดงความประสงค์ขอลงสมัครใน 2 เขตที่ว่างลงแล้ว โดยเขต 1 จ.ชุมพร นั้น ทาง “เลขาฯตาร์ท” อิสรพงษ์ มากอำไพ เลขานุการของนายกอบจ.ชุมพร ที่เป็นหลานภรรยาของชุมพล แสดงความประสงค์ขอลงสมัครรักษาฐานเสียงให้กับลูกหมี ส่วนเขต 6 จ.สงขลา มี “รองฯน้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล รองนายกอบจ.สงขลา นางงามสมิหลาภรรยาของ “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 จ.สงขลา อดีตนายกอบจ.สงขลา 2 สมัย ยื่นความจำนงค์ขอลงสมัครเพื่อต้องการเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นการเมืองระดับชาติตามสามี
ต้องบอกว่าทั้งถาวรและชุมพล ลึกๆไม่มีใครอยากทิ้งอยากเดินจากพรรคประชาธิปัตย์อันเป็นที่รัก เพราะเป็นพรรคบ้านเกิดเป็นอู่ข่าวอู่น้ำที่อุปถัมน์ค้ำชูกันมาตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงสนามทางการเมือง แต่ทั้ง 2 คนก็มีเหตุผลความจำเป็นที่แตกต่างกันหากจะต้องเดินออกจากค่ายสีฟ้า ต้องจำใจกราบลาพระแม่ธรณีบีบมวยผมขึ้นมาจริงๆ ฝากฝั่งของถาวรนั้นต้องบอกว่าเจ็บปวดร้าวลึกเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้ เพราะถือเป็นลูกหม้อประชาธิปัตย์พันธุ์แท้ ความจริงการพ้นจากความเป็นส.ส.ของถาวร ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ถือว่าหนักหน่วงเจ็บปวดรวดร้าวมากพอแล้ว เพราะอุตส่าห์เสียสละตัวเองเพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมืองแต่กลับถูกคำวินิจฉัย ให้พ้นสมาชิกภาพส.ส. เนื่องจากต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายศาลอาญา
แต่ที่ทำให้ถาวรเจ็บปวดยิ่งกว่าคือการพ้นจากสมาชิกภาพพรรคประชาธิปัตย์ หลังเข้าเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ 20 กันยายน พ.ศ. 2511 ตั้งแต่เรียนปี 1 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ มาถึงวันนี้ก็ครบ 53 ปีพอดิบพอดี แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกม้าตายจากข้อบังคับพรรค หมวด 2 เรื่องสมาชิกภาพ ข้อ 9 ที่ระบุต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ โดยวงเล็บ 7 เขียนชัด “ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ถาวรต้องเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์จากระเบียบข้อบังคับพรรคที่เขียนล้อตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ม.98 (6) เรื่องลักษณะบุคคลต้องห้ามมิให้สมัครส.ส.”ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล” อย่างสุดแสนชอกช้ำ จับคำพูดถาวรภายหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็พอบ่งบอกความเจ็บปวดได้จริงๆ “ด้วยน้ำตาตกใน ด้วยอกระทม ด้วยความเจ็บปวด ที่ไม่มีคำบรรยายใดๆทั้งสิ้น ที่จะบอกพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ บอกกรรมการบริหารพรรค บอกบรรพบุรุษของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ผมสิ้นแล้วซึ่งเกียรติยศที่จะเป็นสมาชิกพรรคด้วยความวินิจฉัย” อดีตรมช.มหาดไทยกล่าว
ด้านฝากฝั่งของชุมพลต้องบอกว่าที่ผ่านมา การเป็นส.ส.ของพรรคที่ออกไปร่วมชุมนุมทางการเมืองเคลื่อนไหวใต้เสื้อของกปปส.ก็ทำให้ถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน โดยเฉพาะสายประชาธิปไตยจ้าและบรรดาคนละขั้วในพรรค มองว่าทำให้พรรคมัวหมองอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ชุมพลเลยเสมือนถูกคนในพรรคด้อยค่าให้ราคาน้อยกว่าที่ควรได้รับมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็อยู่ด้วยความอึดอัดคับใจกันมาตลอด ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลให้ชุมพลคิดตีจากอยากหนีไปอยู่กับพรรคที่ให้ที่ยืนให้เกียรติตัวเองมากกว่านี้ ไม่แปลกที่เรื่องนี้ทำให้ 2 พรรคที่รอจ้องรับลูกหมีอยู่ตาลุกวาว หนึ่งคือพรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกหนึ่งคือพรรครวมพลังประชาชาติไทยของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่พร้อมเทกโอเวอร์น้องลูกหมีไปอยู่พรรคเดียวกับ “พี่ลูกช้าง”สุพล จุลใส เขต 3 จ.ชุมพร ตอนนี้ก็อยู่ที่ตัวชุมพลจะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของตัวเองอย่างไร ระยะสั้นเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ก็จะให้อิสรพงษ์ที่เป็นหลานของภรรยาลงเป็นมวยแทนไปก่อน ระยะยาวหากเคลียร์กับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้จบโอกาสสวมเสื้อสีฟ้าอยู่ค่ายเดิมต่อก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะยังไงพื้นที่ภาคใต้ลงส.ส.ใส่เสื้อประชาธิปัตย์แข่งโอกาสได้เป็นส.ส.ก็มีภาษีดีกว่าพรรคอื่น แม้ช่วงหลังหลายเขตใน 14 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์จะโดนทุบโดนตอดไปมาก
24 มีนาคม 2562 เลือกตั้งทั่วไปรอบที่แล้ว 50 เขตใน 14 จังหวัดภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์แม้จะได้แชมป์ส.ส.ไปครอง แต่เก้าอี้ผู้แทนก็ลดลงไปมาก คงเหลือให้เชยชมแค่ 22 ตัวเท่านั้น ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่มาใหม่ได้กระแส “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กวาดไป 13 ตัว พรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล แบ่งเค้กได้ไป 8 ที่นั่ง พรรคประชาชาติของวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ไปอีก 6 ตัว ที่เหลืออีก 1 ตัวเป็นของพรรครวมพลังประชาชาติไทยของลุงกำนัน อนาคตต้องจับตาการเลือกตั้งซ่อม 2 เขตยุทธศาสตร์สำคัญของภาคใต้ ที่เคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน คือ เขต 1 จ.ชุมพร และ เขต 6 จ.สงขลา พรรคใดจะได้เก้าอี้ส.ส.ทั้ง 2 เขตไปครอง
//////////////////