วันที่ 11 ธันวาคม 2564 พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องลดโทษนักโทษคดีทุจริตของทางกรมราชทัณฑ์ และ กระทรวงยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นการลดโทษให้นักโทษที่ตุนเงินไว้จนร่ำรวยจากความเดือดร้อนของประชาชน และภาษีของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการ หรือนักการเมือง กล้าทำความผิด และกล้าคดโกงประเทศชาติ เพราะติดคุกก็มีเงินใช้จ่ายสบายกว่า นักโทษที่มาจากคนสามัญ และยังมีเงินอีกจำนวนมากที่รออยู่หลังจากพ้นโทษแล้ว
เรื่องนี้คล้ายภาพยนต์หลายเรื่องที่โจรปล้นธนาคารได้แล้วเอาเงินมาเก็บซ่อนไว้ พอติดคุกสัก 4~5ปี ก็ออกมาขุดเงินที่ซ่อนไว้นำออกมาใช้ เพื่อไม่ให้มีปัญหากับใครในคุก จึงทำตัวเป็นนักโทษชั้นดี จะได้ออกมาใช้เงินเร็วๆ นั้นก็ช่างหัวมันเงินของธนาคาร แต่นี่มันปล้นเงินภาษีของประชาชนไปชัดๆเลยครับ นักโทษที่โกงชาติ ทีละพันล้าน ให้เป็นภาระของคนทั้งชาติ ที่ต้องชดใช้หนี้แทน กลับได้รับการพิจารณาลดโทษ ในฐานะ “นักโทษชั้นดี” หรือ “ชั้นดีเยี่ยม” ซึ่งได้ลดโทษลงมาอย่างมากมาย และดูเหมือนจะพ้นโทษ ก่อนที่ชาติจะใช้หนี้หมดด้วยซ้ำ น่าจะถึงเวลาทบทวนวิธีการพิจารณาการเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม กันใหม่ว่าใครควรจะได้รับ และการต้องโทษสถานใดที่ไม่ควร ได้รับการพิจารณา เช่น พวกที่ทุจริตโกงชาติ โกงบ้านเมือง พวกนี้อยู่ในคุก นอกคุกก็มีเงินที่โกงไว้เรียบร้อยแล้ว หรือพวก ค้ายาเสพติด พวกอันธพาลประจำชุมชน เป็นต้น
ปัญหามีอยู่ว่า กรมราชทัณฑ์จะกำหนดให้ใครเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม คงต้องดูให้ดี และมีวิธีที่รอบคอบกว่านี้ครับ เพราะท่านเป็นแค่หนึ่ง ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งกระบวน และอย่างน้อยควรให้สังคม ภายนอกยอมรับได้ต้องไม่ลืมว่าสาเหตุที่นักโทษคนนั้น เข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบของท่านก็เพราะเขาได้กระทำในสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ ผิดกติกาของสังคม สร้างความเสียหาย เดือดร้อนต่อสังคม แล้วท่านเอากฏระเบียบอะไรมาตัดสินว่า นักโทษคดีฉกรรจ์คนนั้น คนนี้ เปลี่ยนไปเป็นคนแสนดี ที่สมควรได้ลดโทษ แล้วสิทธิพิเศษจากการเป็น นักโทษชั้นเยี่ยมนั้น มันมีมากเหลือเกิน มากจนบางครั้งเป็น เหมือนกับมีเจตนาทำลายเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มุ่งป้องกัน การทุจริตเป็นหลัก พลโท นันทเดช / 10 ธ.ค.64