เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 64 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มีการประชุมลับ โดยเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอออก พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติมอีก 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และออกจ่ายเยียวยาประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการเพิ่มเติม เนื่องจากการระบาดโควิดรอบใหม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้การกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งจะมีการกันไว้ใช้ได้สาธารณสุขเพิ่มเติมด้วย
สำหรับกรอบวงเงินกู้ 7 แสนล้านบาท เพื่อนดำเนินการตามแผนหรือโครงการดังนี้
- แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดระลอกใหม่ของโควิด 30,000 ล้านบาท
- แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงคืเพื่อช่วยเหลือและผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 วงเงิน 400,000 ล้านบาท
- แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 วงเงิน 270,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้นำเสนอถึงเหตุผลความจำเป็นต้องออกพรก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาทว่า กระทรวงการคลังเห็นว่า การระบาดของCOVID-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประเทศยังคงมีความต้องการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ประกอบกับข้อจำกัดของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพื่อการเยียวยา ฟื้นฟูและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รวมถึงข้อจำกัดของพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศง 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับกรอบวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ไม่เพียงพอ
รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องมีกรอบวงเงินกู้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 และเพื่อบริหารสภาพคล่องทางการคลังซึ่งถือเป็นกรณีที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องกันภัยพิบัติสาธารณะและเป็นสถานการณ์ในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเห็นควรเสนอร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดตระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีกรอบวงเงินกู้ไม่เกิน 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 และบริหารสภาพคล่องทางการคลังเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา