รู้พิกัดแล้ว! ผบช.ภ.7 เตือน 4 นักโทษแหกคุก ลั่นเจอยาแรง ย้ำเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวโดนหนัก!

รู้พิกัดแล้ว! ผบช.ภ.7 เตือน 4 นักโทษแหกคุก ลั่นเจอยาแรง ย้ำเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวโดนหนัก!

จากกรณีผู้ต้องขังใหม่ซึ่งถูกแยกกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ใช้เลื่อยตัดลูกกรงเหล็ก ก่อนพากันหลบหนีออกจากเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย (มทบ.11) ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง นครปฐม รวม 9 ราย เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังกว่า 200 นายออกติดตามค้นหา จนกระทั่งสามารถจับกุมนักโทษกลับมาได้ 5 ราย และยังคงค้นหานักโทษที่ยังหลบหนีอีก 4 ราย

ล่าสุด พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 ได้เดินทางไปร่วมประชุมวางไล่ล่าผู้ต้องหาแหกคุกเรือนจำ มทบ.11 ที่ยังหลบหนีอีก 4 ราย ประกอบด้วย 1. นายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ อายุ 38 ปี กระทำความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด 2. นายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี กระทำความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด 3. นายจำรูญ คล้ายสุบรรณ อายุ 33 ปี กระทำความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด และ 4. นายพานิช บัวศร อายุ 35 ปี กนะทำความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด

 

 

โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยภายหลังร่วมประชุม ว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับมาว่าต้องเร่งดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องขังที่ยังหลบหนีอีก 4 รายให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่้ตำรวจชุดเฉพาะกิจอินทรีย์ 7 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทุก สภ.ในพื้นที่ภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัดไล่ล่าตัวผู้ต้องขังที่ยังหลบหนีอย่างเร่งด่วนแล้ว ทั้งนี้อยากฝากไปถึงผู้ต้องหาทั้ง 4 รายว่า ทางเจ้าหน้าที่รู้พิกัดหลบหนีทั้งหมด ขอให้เข้ามอบตัว เพราะถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น และถ้าหากมีการขัดขืนหรือต่อสู้ ทางเจ้าหน้าที่มีอำนาจและมาตรการที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดอยู่แล้ว ส่วนญาติหรือผู้ให้ที่พักพิง หรือช่วยพาผู้ต้องขังหลบหนีจะมีความผิดด้วย ทั้งนี้ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ต้องขังที่จับกุมกลับมาได้ทั้ง 5 ราย เพื่อสืบหาว่าการหลบหนีที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร ส่วนในทางกฏหมายจะต้องแจ้งเพิ่มโทษสูงสุดกับผู้ต้องขังที่ทำการหลบหนี ซึ่งตอนนี้มีความเป็นห่วงว่าผู้ต้องขังที่หลบหนีอยู่จะก่อเหตุซ้ำซ้อน แต่มั่นใจว่าจะสามารถจับกุมกลับมาได้ทั้งหมดได้อย่างแน่นอน ขอให้พี่น้องประชาชนนั้นมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่

 

 

ด้าน พ.ต.ท วรชัย อารักรัฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า การนำผู้ต้องขังใหม่มาในเรือนจำ มทบ.11 ก็เพื่อทำการกักตัวก่อนเข้าเรือนจำกลางนครปฐม ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เนื่องด้วยเรือนจำ มทบ.11 ไม่มีเครื่องสแกนอุปกรณ์โลหะอย่างละเอียดเหมือนเรือนจำกลางนครปฐม จึงอาจทำให้ใบเลื่อยหลุดไปถึงมือผู้ต้องขัง จึงต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดว่าผู้ต้องขังได้ใบเลื่อยมาจากผู้ใด เพราะเบื้องต้นไม่ได้เปิดโอกาสให้ญาติเข้ามาเยี่ยมผู้ต้องขังขณะถูกกักตัวอยู่ในเรือนจำ มทบ.11 แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีการวางมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด โดยหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนักโทษ จะถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่า ใบเลื่อยที่ถูกนำเข้าไปในเรือนจำมีมูลค่าถึง 1 แสนบาทนั้น เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจากการตรวจสอบไม่พบประเด็นดังกล่าว เพราะอุปกรณ์อื่นก็สามารถนำมาใช้เลื่อยลูกกรงเหล็กได้เช่นกัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น