วันที่ 14 ธ.ค. – พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า เรื่องลดโทษนักโทษคดีทุจริต ของทางกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นการลดโทษให้นักโทษที่ตุนเงินไว้จนร่ำรวย จากความเดือดร้อนของประชาชน และภาษีของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการ หรือนักการเมือง กล้าทำความผิดและกล้าคดโกงประเทศชาติ เพราะติดคุกก็มีเงินใช้จ่ายสบายกว่านักโทษที่มาจากคนสามัญ และยังมีเงินอีกจำนวนมากที่รออยู่หลังจากพ้นโทษแล้ว
พลโทนันทเดช กล่าวอีกว่า เรื่องนี้คล้ายภาพยนต์หลายเรื่องที่โจรปล้นธนาคารได้แล้วเอาเงินมาเก็บซ่อนไว้ พอติดคุกสัก 4-5 ปี ก็ออกมาขุดเงินที่ซ่อนไว้นำออกมาใช้เพื่อไม่ให้มีปัญหากับใครในคุก จึงทำตัวเป็นนักโทษชั้นดี จะได้ออกมาใช้เงินเร็วๆ นั้นก็ช่างหัวมันเงินของธนาคาร แต่นี่มันปล้นเงินภาษีของประชาชนไปชัดๆเลยครับ นักโทษที่โกงชาติ ทีละพันล้าน ให้เป็นภาระของคนทั้งชาติที่ต้องชดใช้หนี้แทน กลับได้รับการพิจารณาลดโทษ ในฐานะ “นักโทษชั้นดี” หรือ “ชั้นดีเยี่ยม” ซึ่งได้ลดโทษลงมาอย่างมากมาย และดูเหมือนจะพ้นโทษก่อนที่ชาติจะใช้หนี้หมดด้วยซ้ำ ซึ่งน่าจะถึงเวลาทบทวนวิธีการพิจารณาการเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยมกันใหม่ว่าใครควรจะได้รับ และการต้องโทษสถานใดที่ไม่ควรได้รับการพิจารณา เช่น พวกที่ทุจริตโกงชาติ โกงบ้านเมืองพวกนี้อยู่ในคุก นอกคุกก็มีเงินที่โกงไว้เรียบร้อยแล้ว หรือพวกค้ายาเสพติด พวกอันธพาลประจำชุมชน เป็นต้น
พลโทนันทเดช กล่าวต่อว่า ปัญหามีอยู่ว่ากรมราชทัณฑ์จะกำหนดให้ใครเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมคงต้องดูให้ดี และมีวิธีที่รอบคอบกว่านี้ เพราะท่านเป็นแค่หนึ่งในกระบวนการยุติธรรม ทั้งกระบวน และอย่างน้อยควรให้สังคมภายนอกยอมรับได้ ต้องไม่ลืมว่าสาเหตุที่นักโทษคนนั้น เข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ก็เพราะเขาได้กระทำในสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ ผิดกติกาของสังคม สร้างความเสียหาย เดือดร้อนต่อสังคม แล้วท่านเอากฏระเบียบอะไรมาตัดสินว่า นักโทษคดีฉกรรจ์คนนั้น คนนี้ เปลี่ยนไปเป็นคนแสนดี ที่สมควรได้ลดโทษ แล้วสิทธิพิเศษจากการเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมนั้น มันมีมากเหลือเกิน มากจนบางครั้งเป็น เหมือนกับมีเจตนาทำลายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มุ่งป้องกัน การทุจริตเป็นหลัก