จากกรณีผู้ต้องขังใหม่ซึ่งถูกแยกกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ใช้เลื่อยตัดลูกกรงเหล็กก่อนพากันหลบหนีออกจากเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย (มทบ.11) ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง นครปฐม รวม 9 ราย เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังกว่า 200 นายออกติดตามค้นหา จนสามารถจับกุมนักโทษกลับมาได้ 7 ราย คงเหลือนักโทษหลบหนีอีก 2 ราย คือ นายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ 1 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และ นายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหากระทำความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งเป็นหัวโจกพานักโทษทั้งหมดหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ระดมกำลังเร่งติดตามจับกุมอย่างกระชั้นชิด
าสุดวันนี้ ( 14 ธค.64 ) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครปฐม ได้รับข้อมูลจากพลเมืองดี ว่า พบเห็น นายพัชรวุฒิ ผู้ต้องขังหัวโจก หนีกลับมาบ้านพักใน ต.ศรีมหาโพธิ์ ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อ HONDA รุ่น WAVE 125 I (รุ่นปลาวาฬ) สีแดงหมายเลขทะเบียน 1กก 3069 หลบหนี เจ้าหน้าที่จึงแกะรอยจากกล้องวงจรปิด จนสามารถติดตามจับกุม นายพัชรวุฒิ หลังหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน อยู่ระหว่างนำตัว นายพัชรวุฒิ ไปสอบปากคำที่ สภ.สามความเผือก ขณะที่ ผบช.ภ.7 เตรียมแถลงข่าวการจับกุมในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
ด้าน พ.ต.อ.นฤพนธ์ วานนุเคราะห์ ผู้กำกับการ สภ.สามควายเผือก เปิดเผยว่า สำหรับนักโทษที่แหกคุกหลบหนี จะถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานหลบหนีระหว่างถูกคุมขัง ต้องรับโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และถือเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระ กล่าวคือ เมื่อนักโทษถูกคุมขังจนครบกำหนดตามคำพิพากษา จะต้องติดคุกเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 5 ปีฐานหลบหนีระหว่างถูกคุมขัง โดยโทษดังกล่าวให้นับต่อจากโทษเดิมทันที ส่วน นายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ นักโทษแหกคุกที่ยังหลบหนีอีก 1 ราย คาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมได้ในเร็วๆ นี้