วันที่ 16 ธ.ค.2564 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า ใครคือคนที่ต้องรับผิดชอบ โทษทัณฑ์ในคดีคนโกงรับจำนำข้าว ทุจริตคอรัปชั่นในหน้าที่ทางราชการ ต้องจำคุกเป็นเวลาหลายสิบปี แต่อยากลดโทษให้ ต้องทำแบบนี้ใช่หรือไม่ 1.ใช้อำนาจออกกฎกระทรวง ตระเตรียมความพร้อม ไม่มีความเท่าเทียม ใช้ดุลยพินิจคัดเลือก ขาดมาตรฐาน 2.คัดสรรคนที่อยากจะช่วยเหลือโดยอ้างกฎกระทรวงที่ตนเองเป็นประธานกรรมการฯ ชงเอง พิจารณาเอง ออกเอง 3. อ้างเบื้องสูง ว่าเป็นโบราณราชประเพณีที่จะพระราชทานอภัยโทษในวันสำคัญ ขอพระราชทานบ่อย ร่างพระราชกฤษฎีกา เข้าคณะรัฐมนตรี ออกเป็นมติให้ความเห็นชอบ
นายเทพมนตรี กล่าวอีกว่า 4.ใช้คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า นายกรัฐมนตรีถูกยอมมัดมือชง “เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ” เข้าทำนองลงเรือลำเดียวกันแล้ว ขยับไปไหน ไล่ให้ออก นายกรัฐมนตรีก็พลอยซวยไปด้วย 5. ฉลาดพันลึก เพราะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว พระมหากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ใช้ช่องว่างตรงนี้ใครออกมาร้องเรียนก็อ้างว่าทำถูกระเบียบ 6.กลุ่มคนจงรักภักดี จะขอถวายฎีกาฟ้องความจริงก็โยนประเด็น อาจเป็น “การระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท” 7.ความจริงของเรื่องนี้เป็นไปอย่างมากว่าต้นต่อแห่งปัญหาที่ชงเอง เสนอเองทำให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะทำกันเป็นขบวนการเสียมากกว่า
นายเทพมนตรีกล่าวต่อว่า ประชาชนอย่างตนคิดเช่นนี้ ใครจะรับผิดชอบเมื่อชาติบ้านเมืองเสียหาย อับอายขายหน้าไปทั่ว กรรมการที่ตั้งขึ้นมาให้ทำการสอบสวน ผลการสอบสวนออกมาก็จะให้กระทรวงยุติธรรมรับไปดำเนินการ คำพูดคนระดับรองนายกรัฐมนตรี เอวัง แบบนี้ประชาชนสิ้นหวัง มีแนวโน้มลอยนวลปล่อยผ่าน หาคนรับผิดชอบไม่ได้ ตนตื่นขึ้นมา ก็ยังอยู่ในประเทศไทย ต้องทนรับความทุกข์ต่อไป