จากกรณีรัฐบาลทหารเมียนมา สนธิกำลังกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือบีจีเอฟ บุกโจมตีฐานที่มั่นกองกำลังกระเหรี่ยงอิสระเคเคเอ็นยูกองพลน้อยที่ 6 ในพื้นที่บ้านลอเยก่อ กับบ้านมีละป่าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านในฝั่งเมียนมา อยู่ตรงข้ามบ้านไร่ดอนไชย หมู่ที่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด เมื่อวานนี้ โดยทหารเมียนมา เปิดฉากถล่มด้วยอาวุธปืนครก อาววุธเล็กประจำกายในระยะประชิดอย่างหนักและต่อเนื่อง ทำให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนับสิบนาย ล่าสุด ( 17 ธ.ค.64 ) มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพเมียนมา ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ได้ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามจำนวน 3 กองร้อย และชุดปฏิบัติการทหารเคลื่อนที่เร็ว สนธิกำลังกับกลุ่มบีจีเอฟ เข้าโจมตีกองกำลังกระเหรี่ยงเคเอ็น กองพลน้อยที่ 6 ภายใต้การนำของพันโทหย่าหน่าย ผู้บังคับกองพันเฉพาะกิจ อีกระรอก หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ทหารทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธปืนครกขนาด 80 มม. ขนาด 60 มม. และอาร์พีจีย์ ยิงตอบโต้กันเป็นระยะจนถึงช่วงเช้ามืด
สำหรับการสู้รบดังกล่าว ส่งผลให้ชาวเมียนมา ชาวกะเหรี่ยง และชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สู้รบ ต้องหนีตายข้ามฝั่งมายังประเทศไทยกว่า 1,500 ราย เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจึงนำเคลื่อนย้ายผู้อพยพทั้งหมดไปไว้ที่โรงเรียนมิตรภาพแม่ตาวกลาง ต.แม่ตาว อ.แม่สอด เพื่อให้รอดพ้นจากวิถีกระสูนปืนใหญ่และปืนเล็ก รวมทั้งให้คนไทยที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนระมัดระวังตัว หรือให้ย้ายไปอาศัยตามบ้านญาติของตัวเองเป็นการชั่วคราวก่อน โดยหลังอพยพ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมทีมสอบสวนโรค และทีมอาสาสมัครโรงพยาบาลแม่สอด ได้เข้าตรวจคัดกรองผู้อพยพทั้งหมด เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย
มีรายงานเพิ่มเติมว่า จนถึงขนาดนี้การสู้รบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กระสุนปืนลอยข้ามมาฝั่งไทยเป็นระยะ ขณะที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบ 14 กองกำลังนเรศวร จัดทหารเข้าควบคุมตามแนวตะเข็บชายแดน พร้อมประสานไปยังหน่วยทางทหารฝั่งเมียนมาที่ จ.เมียวดี ให้ใช้ความระมัดระวังในการยิงกระสุนปืนขนาดใหญ่ เนื่องจากกระสุนปืนของทหารเมียนมา ตกใกล้เขตชุมชนชาวไทยถึง 2 ลูก