เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายนิกร จำนง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสภาฯล่ม 2 ครั้งใน 1 สัปดาห์ว่า ตนได้ให้ความเห็นไว้ในที่ประชุมแล้วว่า ในการประชุมที่เพิ่มวันศุกร์ขึ้นมาจะมีปัญหาตามสมควร เนื่องจากเป็นช่วงปลายของสภาฯ อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขก็ออกแล้วเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เขตเลือกตั้งเริ่มจะไม่แน่นอนว่าจะเป็นอย่างไร จึงน่าเห็นใจส.ส.เขต และสัญญาเลือกตั้งก็เริ่มมาแล้ว ดังนั้นส.ส.ต้องลงพื้นที่ เพราะเป็นสภาพบังคับ เมื่อเป็นวันศุกร์เขาก็จะมีปัญหากดดัน
“ประธานสภาฯ หารือวิปทั้ง2ฝ่ายไว้ว่าวันศุกร์จะเป็นการพิจารณารายงานของกรรมาธิการ เพื่อส่งไปยังรัฐบาล ไม่ได้เคร่งครัดเรื่ององค์ประชุม อย่างไรก็ตามในรายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ผมได้ชี้ให้เห็นว่าเราจะต้องระวังฉบับที่มีปัญหานี้ เนื่องจากถูกแย้งโดยพรรคก้าวไกล เมื่อไม่เห็นด้วยอาจต้องมีการลงมติ ส.ส.บางคนจึงคิดว่าคงไม่มีการเสนอให้นับ คงเข้าใจว่าไม่ซีเรียส เพราะเคยคุยกันไว้เดิมแล้วว่าถ้าเป็นรายงานของสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือของฝ่ายรัฐบาลก็จะช่วยกันประคับประคอง เพื่อจะได้ส่งต่อไปยังรัฐบาล แต่ก็เกิดปัญหาขึ้น” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ในการประชุมสภาฯ สัปดาห์หน้า มีความเห็นกันว่าในช่วงปีสุดท้าย เนื่องจากยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ต้องเปิดโอกาสให้วันเวลาของส.ส.ได้ลงพื้นที่บ้าง เพราะเขตเลือกตั้งก็ยังไม่แน่นอน เนื่องจากเพิ่มเป็น 400 เขต และบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สัญญาณการเลือกตั้งเริ่มขึ้น ต้องหาเสียงพบประชาชน ซึ่งก็เห็นใจส.ส.เขต เพราะไม่เช่นนั้นรักษาสภาฯได้แต่รักษาความเป็นส.ส.ของตัวเองไม่ได้ จึงขอให้วิป2ฝ่ายตกลงกันให้ชัดเจน ควรจะเป็นลักษณะเหมือนกระทู้ เพราะถ้าเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งก็สามารถดำเนินการได้ ในช่วงปีหลังต่างฝ่ายต่างต้องเห็นใจกัน ในฐานะตัวแทนประชาชนที่ต้องทำหน้าที่นิติบัญญัติและทำหน้าที่ในฐานะเป็นปากเสียงของประชาชน
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าสภาฯล่มบ่อยอาจเป็นการส่งสัญญาณว่ามีปัญหา อาจทำให้เกิดการยุบสภา นายนิกร กล่าวว่า การยุบสภาคือสภามีปัญหา ซึ่งการที่องค์ประชุมไม่ครบแล้วทำให้สภาล่มก็ถือเป็นปัญหาอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงต้องพึงรักษาสภากันไว้ ในฐานะส.ส. ถ้าไม่อยากจะเลือกตั้งกันเร็วก็ต้องช่วยกันรักษา เพราะเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีสามารถนำไปเป็นเหตุยุบสภาได้ ส่วนที่มีส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีหลายคนไม่มา คงเพราะติดงาน เร่งทำงานเข้าพื้นที่เพราะใกล้สิ้นปี
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านเองก็อยู่ในที่ประชุมจำนวนมาก นายนิกร กล่าวว่า ฝ่ายค้านเองก็ทำได้ เป็นบทบาทของฝ่ายค้านที่จะทำอย่างนั้น แต่โดยองค์รวมของสภา ก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกันด้วยในเมื่อเป็นส.ส.ด้วยกัน
ส่วนความคืบหน้าร่างกฎหมายลูกของพรรคร่วมรัฐบาล นายนิกร กล่าวว่า ในวันที่ 20 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญคณะทำงานยกร่างกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ2ฉบับฯ ชุดที่มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะทำงาน อาทิ ตนเอง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัต นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เข้าหารือร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องที่จะยื่นร่างดังกล่าวผ่านรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยากภายหลังจึงต้องหารือกันก่อน เพราะร่างที่กกต. ยกขึ้นมาทำบัตรเป็นเบอร์เดียวกัน อาจจะเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 แต่ทางพรรคร่วมเห็นว่า เป็นบัตรคนละเบอร์กันจะมีปัญหาน้อยกว่า
“ส่วนร่างกฏหมายพรรคการเมือง กกต.แก้มา 2-3 มาตราเท่านั้น ตามอำนาจหน้าที่กกต. แต่ในความเป็นจริง ทราบว่ากกต.เอง มีปัญหาตัวแทนประจำจังหวัดเขตเลือกตั้งอยู่มากในการบริหารจัดการก็ต้องเห็นใจกกต. เรา พรรคร่วมรัฐบาลจึงมีการขอแก้กฎหมายพรรคการเมือง เช่น สาขาพรรคการเมือง ตัวแทนประจำจังหวัด ซึ่งแก้เพื่อให้บริหารจัดการพรรคการเมืองปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่เพื่อการเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น” นายนิกร กล่าว
