เลขาฯสมช. ระบุศบค.ห่วงระบาดรอบใหม่ ซ้ำรอย “สถานบันเทิง-เรือนจำ”

จำเป็นต้องเลื่อนการเปิดเทอมออกไปก่อน ขอเวลา 2 เดือนประเมินสถานการณ์หลังปูพรมฉีดวัคซีนให้คนไทย คาดกลางก.ค.เห็นแนวโน้มแพร่ระบาดโควิดชัดเจนดีขึ้่นหรือแย่ลง ก่อนพิจารณปลดล็อคผ่อนคลายมาตราการ

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ ระบุ ยังมีความป็นห่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในกรุงเทพฯและพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัดคือ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ โดยเฉพาะการระบาดไปในทุกพื้นที่ อาทิ ตลาด ไซด์งานก่อสร้าง บริษัท โรงงาน แม้แต่การติดกันในครอบครัว ทุกกรณีศบค.มีความเป็นห่วงหมด และห่วงว่าอาจจะเกิดการระบาดรอบใหม่ของผู้คนจำนวนมากขึ้นมาอีกเหมือนกรณีสถานบันเทิงหรือเรือนจำ
ความจริงแนวทางการแก้ไขปัญหาศบค.ตั้งใจอยากจะให้ทุกกิจการและกิจกรรมหยุดหมดในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดแต่มันก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบกับคนจำนวนมากที่ประกอบอาชีพจนทำให้เกิดความเดือดร้อน หากใช้วิธีเหมารวมแก้ไขปัญหาแบบเดียวกันหมดคนส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะเดือดร้อน เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาจึงออกมาด้วยวิธีการรูปแบบนี้ คือเกิดคลัสเตอร์เกิดการระบาดตรงไหนศบค.ก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแก้ไขเข้าไปหยุดการระบาดของเชื้อ

” คำว่าจุดเวิสเคส (worst case) มันขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวงของประชาชน ถ้าประชาชนยังทรงสภาพแบบนี้ ตรงนี้ก็น่าจะผ่านจุดเวิสเคสไปแล้ว แต่ถ้าประชาชนไปทำอะไรอีกสักอย่างนึงหรือไปรวมตัวกันแล้วทำให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นมาอีก เหมือนอยู่ดีๆแล้วเกิดระบาดขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นตรงนี้เราจึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการเลื่อนการเปิดเทอมไปก่อน เพราะเรากลัวเกิดคลัสเตอร์โรงเรียนขึ้นมาอีก อะไรที่จะทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ๆขึ้นมาเราก็ขอให้เขาชะลอไปก่อน ” เลขาฯสมช.กล่าว

พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ศบค.จะขอเวลาเดือนครึ่งถึง 2 เดือนหลังเริ่มฉีดวัคซีนแบบปูพรม เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดว่าดีขึ้่นหรือแย่ลง ก่อนจะมาพิจารณาเรื่องของการผ่อนคลายมาตราการต่างๆ ทั้งกิจการและกิจกรรมให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องของการเปิดเรียนตามปกติ ซึ่งทั้งหมดต้องรอดูว่าการฉีดวัคซีนทำได้ตามเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน พี่น้องประชาชนการ์ดไม่ตกมีความระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น และการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในพื้นที่ต่างๆลดลง ทั้งนี้ในส่วนของกทม.และพื้นที่สีแดงถ้าสามารถฉีดวัคซีนได้ 60-70 % ทั้งหมดนี้เชื่อว่าราวกลางเดือนก.ค.หรือสิ้นเดือนก.ค.น่าจะเห็นทิศทางการแพร่ระบาาดของเชื้อโควิดได้ชัดขึ้น

เลขาฯสมช.กล่าวว่า ทั้งนี้ในระหว่างการแก้ไขการระบาดของเชื้อโควิดในแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ รัฐบาลก็จะเร่งฉีดวัคซีนควบคู่กันไปซึ่งล่าสุดวัคซีนซิโนแวค1.5 ล้านโดสก็มาถึงไทยแล้ว จากนี้วัคซีนที่เหลือก็จะทยอยมาจนถึงสิ้นปี ทั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 7 มิ.ย.เป็นวันเริ่มต้นในการฉีดวัคซีนปูพรหมทั้งประเทศ โดยเป้าหมายแต่ละเดือนต้องฉีดวัคซีนให้คนไทยทั้งประเทศให้ได้เดือนละ 10 ล้านโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้คนทั้งประเทศ

พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ในส่วนรูปแบบการฉีดวัคซีนนั้น ทางศบค.ก็อยากให้คนไทยทุกคนได้ฉีดวัคซีนเร็วๆ และเรื่องของการวอล์ค อิน ไปฉีดก็เป็นแนวทางหนึ่ง แต่ในส่วนเบื้องต้นที่ฉีดให้กับคนไทยอยากให้เป็นบุคคลที่ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมก่อน เพราะศบค.ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย ไม่อยากให้ประเด็นวอล์ค อิน กลายไปเป็นดราม่าที่ทำให้คนไทยขัดแย้งกัน เพราะหากไม่มีการลงทะเบียนเราก็จะไม่รู้จำนวนคนที่จะฉีดในแต่ละจุด การบริหารจัดการก็ทำได้ยาก เพราะการวอล์ค อิน ศบค.ไม่สามารถควบคุมและรู้ได้ว่าแต่ละจุดจะมีคนวอล์คอินไปฉีดจำนวนเท่าไหร่ ทำให้การบริหารจัดการวัคซีนไปแต่ละจุดทำได้ยาก ตรงนี้หากบางจุดมีคนวอล์คอิน ไปต่อแถวแล้วไม่ได้ฉีด หรือบางจุดมีคนวอล์คอินไปเป็นจำนวนมากตรงนี้ก็อาจทำให้เกิดความวุ่นวายและกลายเป็นจุดเสี่ยงแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้ เรียนว่าวอล์คอินประชาชนอาจจะสะดวก แต่การบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่จะยาก และเราห่วงปัญหาเกิดการคับคั่งหน้างานที่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก เพราะฉะนั้นการลงทะเบียนจึงเป็นวิธีที่ทำให้การบริหารจัดการฉีดวัคซีนทำได้ดีที่สุด

พล.อ.ณัฐพลซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผอ.ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล และยังนั่งเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรุงเทพฯ ตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 5 ล้านคนใน 2 เดือน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้

/////////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น