นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามอิสระลงพื้นเรือตรวจพื้นที่ป่าชายเลนบางขุนเทียน พร้อมนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และแนวร่วมทำงานการเมืองเปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่ามีความเป็นห่วงในพื้นที่ป่าชายเลน และต้องกลับมาดูโครงการของกทม.ว่าจะสามารถสานต่อในด้านใดได้บ้าง ซึ่งต้องพิจารณาว่าชาวบ้านต้องการในเรื่องไหนบ้าง ซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นธุรกิจควบคู่กันไป
ด้านงานการเมืองนายพิจิตต ระบุว่า ตนและนายชัชชาติเคยทำงานร่วมกันมาก่อนตั้งแต่ปี2554และรู้จักแนวคิดแนวทางการทำงานวิธีการทำงานที่ตนเองชื่นชมอย่างมากเพราะมีการเข้าถึงปัญหา และดีใจที่จะช่วยเสริมทีมทำให้กทม.ดีขึ้น และยินดีหากมีแนวร่วมอื่นเข้ามาร่วมทีมด้วย เพื่อเป็นการระดมพลช่วยกันทุกฝ่ายและนายชัชชาติลงในนามอิสระจึงไม่มีปัญหาในการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยย้ำว่า งาน กทม. ไม่สามารถทำได้คนเดียว ไม่ใช่ซุปเปอร์แมน ซุปเปอร์ฮีโร่ นายชัชชาติ ยังระบุว่า จะมีคนมาร่วมทีมอีกเยอะ และย้ำว่าตนเองทำงานคนเดียวไม่ได้เพราะมีความรู้จำกัดและเห็นว่าควรหยุดความขัดแย้งมาร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้พื้นที่กทม. เป็นเมืองที่น่าอยู่ระดับโลกได้ และปฎิเสธไม่ได้ว่าตนเคยทำงานอยู่พรรคเพื่อไทยแต่ตนได้ออกมากว่า2ปีแล้ว และเป็นข้อดีที่ได้ทำงานอิสระแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของคนไร้บ้านที่ต้องแก้ปัญหาร่วมกับ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พม.และเรื่องเศรษฐกิจ
ส่วนการเลือกตั้งในผู้ว่ากทมที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นตนเองได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี2562และรู้สึกว่านานซึ่งรัฐบาลควรมีการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดเพราะขณะนี้ล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว รัฐบาลควรจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดโดยเฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ สก. ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชนที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งมองว่าไม่ใช่การตัดคะแนนเสียงกันระหว่างพรรคการเมืองอื่นโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และทำให้ประชาชนมีตัวเลือกซึ่งพรรคก้าวไกลถือว่ามีบทบาทในรัฐสภาที่เข้มแข็งเป็นธรรมดาของการเลือกตั้งและเป็นสิทธิทางการเมืองที่เหมือนการแข่งกีฬา
นายชัชชาติเปิดเผยต่อว่า ส่วนตัว ไม่คาดหวังว่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่อยากทำอย่างเต็มที่ ทำให้สนุก ทำเพื่อประชาชน และถ้าไม่ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะไม่ไปเล่นการเมืองแล้ว ขอเดินหน้าทำธุรกิจและอยู่กับครอบครัว ยืนยันจะลงในนามอิสระไม่กลับไปพรรคเพื่อไทยแล้วเช่นกันเพราะการกลับไปกลับมาประชาชนจะไม่เชื่อใจ