รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ว่า ระยะเวลาที่ผ่านมา บรรยากาศของการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกำลังคึกคัก ทั้งที่กว่าจะมีการเลือกตั้งจริงๆอาจจะถึงกลางปีหน้า ขณะนี้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ประกาศตัวแล้วมี 3 คนคือ 1. นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะลงสมัครในนามอิสระ 2. นาย สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ 3. นางรสนา โตสิตระกูล อดีตวุฒิสมาชิก จะลงสมัครในนามอิสระ และที่ไม่ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ แต่ค่อนข้างแน่ว่าจะลงสมัครในนามอิสระก็คือผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง และที่ปฏิเสธที่จะลงสมัครแน่นอนแล้วคือ ผู้ว่าฯหมูป่า คุณณรงศักดิ์ โอสถธนากร ข้ออ้างคือย้ายสำมะโนครัวไม่ทัน
รศ.หริรักษ์ กล่าวว่า น่าสนใจอย่างยิ่งว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะออกมาอย่างไร เพราะผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป พรรคการเมืองใดจะได้เปรียบในสนามกทม . ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล หรือพรรค ประชาธิปัตย์ที่จะกลับมาได้รับความนิยมอีก ส่วนพรรคเพื่อไทยน่าจะยังไม่เป็นพรรคยอดนิยมของคนกทม.ได้ ทั้งนี้พลตำรวจเอก อัศวิน ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน ดูเหมือนจะมีความได้เปรียบอยู่บ้างตรงที่ว่า อย่างน้อยคนกทม.ได้เห็นฝีมือกันมาแล้วหลายปี ทั้งการจัดระเบียบสถานที่ในกทม.ให้น่าอยู่ขึ้น ตามแนวทางของรัฐบาล เช่นจัดระเบียบคลองโอ่งอ่าง คลองลาดพร้าว ซึ่งก็ไม่ใช่งานง่าย แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีผลงานอื่นๆที่โดดเด่นหวือหวา ยังไม่สามารถเนรมิตภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหานครให้น่าอยู่อย่างที่คนรุ่นใหม่ต้องการได้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ซึ่งพลตำรวจเอก อัศวิน ก็น่าจะเป็นตัวเลือกของคนกลุ่มที่ไม่อยากเสี่ยงเลือกคนที่เห็นฝีมือไม่ชัด และไม่ต้องการเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นอยู่มากนัก และข้อดีอีกอย่างของพลตำรวจเอก อัศวินคือ ไม่มีคราบของพรรคประชาธิปัตย์หลงเหลืออยู่เลย อย่าลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียวในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
รศ.หริรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับนาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดตัวก่อนคนอื่นมาเป็นเวลานาน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ที่มีประวัติการศึกษาดีเยี่ยม ไม่มีข้อกังขาใดๆเกี่ยวกับพื้นฐานการศึกษา แต่ประสบการณ์ทำงานยังไม่อาจพิสูจน์ได้ชัด เพราะช่วงเวลาที่ดูแลกระทรวงคมนาคมเป็นช่วงเวลาเพียงปีกว่าๆ ยังไม่เห็นอะไรที่โดดเด่น ในช่วงแรกๆที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ จัดว่าเป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม ต่อมาเมื่อได้เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ จึงเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี และได้เห็นภาพในสื่อมวลชนว่า เป็นรัฐมนตรีที่นั่งรถเมล์ไปปฏิบัติงานเพียงคนเดียวก็ได้ โดยนายชัชชาติประกาศจะลงสมัครรับเลือกโดยอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด คงเป็นเพราะชาวกทม.ไม่ค่อยจะนิยมพรรคเพื่อไทยสักเท่าใดนั่นเอง แต่จะอย่างไรก็คงสลัดภาพของพรรคเพื่อไทยออกไปได้ไม่หมด เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้ใดลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวกทม. จึงเชื่อว่าจะอย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยก็คงจะให้การสนับสนุนนายชัชชาติ ดังนั้นแนวโน้มคือ ผู้ที่จะลงคะแนนให้ นายชัชชาติ ก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เอารัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ และไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ และน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีการศึกษาดี อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของกทม. และคาดหวังว่าผู้ว่าฯคนใหม่น่าจะเป็นทางเลือกกว่าคนเดิม
รศ.หริรักษ์ กล่าวอีกว่า นาย สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ มีข้อดีตรงที่มีความสด ไม่มีแผลใดๆในทางการเมือง ประวัติการศึกษาดีเยี่ยม บวกลบคูณหารแล้วเรียกได้ว่ามีความเด่นการศึกษาพอๆกับนายชัชชาติ ดำรงตำแหน่งสำคัญๆในแแวดวงการศึกษาหลายตำแหน่ง นอกจากเป็นอธิการบดีแล้ว ยังได้รับเลือกเป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และเคยเป็นนายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาล อาจเป็นเพราะว่า แม้นายสุชัชวีร์จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จึงพยายามพูดถึงตัวเอง หรือจะเรียกว่าโฆษนาตัวเองมากสักนิด โดยเฉพาะในวันเปิดตัวในนามพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งคุณสมบัติอย่างนายสุชัชวีร์ ไม่จำเป็นต้องโฆษณาตัวเองมาก เพราะเพียงแค่ประกาศตัวว่าจะลงสมัคร ก็จะมีคนไปขุดคุ้ยประวัติให้เอง ดูอย่างกรณีที่ประกาศในวันเปิดตัวว่าอาจารย์ที่ปรึกษาขณะที่เรียนอยู่ที่ MIT ชื่อ ศาสตราจารย์ เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นหลานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ตัวเองจึงถือได้ว่าเป็นทายาทของ ไอน์สไตน์ คนเดียวในประเทศไทย จากนั้นสำนักข่าวที่ไม่น่าจะหวังดีต่อนายสุชัชวัร์ ก็เริ่มไปขุดคุ้ยตรวจสอบ พบว่าแท้ที่จริง เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เลยแม้แต่น้อย จึงนำข้อมูลนี้มาเปิดเผย ทำให้เกิดภาพลบต่อนายสุชัชวีร์ไม่น้อย แต่นายสุชัชวีร์ก็ชี้แจงว่าตัวเองเข้าใจเช่นนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากเป็นสิ่งที่รุ่นพี่บอกต่อๆกันมา
รศ.หริรักษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อได้ฟังคำชี้แจงของดร.สุชัชวีร์ แรกทีเดียวรู้สึกว่าเป็นคำแก้ตัวมากกว่าความจริง แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจากดร.ทวารัฐ สูตะบุตร หลานชายผมซึ่งจบจาก MIT เช่นเดียวกันว่า เขาเองเมื่อเรียนอยู่ก็เข้าใจเช่นนั้นมาโดยตลอด และไม่ได้เคยคิดที่จะไปถามเจ้าตัว จึงต้องเชื่อว่าเป็นความจริง ทั้งนี้หากนายสุชัชวีร์ลงสมัครในนามอิสระ ไม่ใช่ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก็น่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรงที่จะไปแย่งคะแนนจากนายชัชชาติได้ไม่น้อย แต่เมื่อลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์เสียแล้ว กลุ่มคนที่ไม่เอารัฐบาล ไม่เอาพลเอก ประยุทธ์ และตั้งใจจะลงคะแนนให้นายชัชชาติ ก็คงจะไม่วอกแวกเปลี่ยนใจมาลงคะแนนให้นายสุชัชวีร์แน่ๆ ยิ่งมีข่าวเรื่อง ไอน์สไตน์ ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขายิ่งไม่เลือก ส่วนกลุ่มคนที่สนับสนันรัฐบาล ก็คงต้องรอดูว่าพรรคพลังประชารัฐจะส่งใครลงสมัครหรือไม่ ถ้าไม่นายสุชัชวีร์ก็จะได้คะแนนจากคนกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่เลยทีเดียว
คุณ รสนา โตสิตระกูล มีชื่อเสียงโด่งดังจากการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สำเร็จ จนทำให้ได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในเวลาต่อมาด้วยคะแนนเป็นอันดับ 1 หากมีโอกาสลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในช่วงเวลานั้นจะมีโอกาสมากกว่าช่วงนี้ คุณรสนาเป็นนักรณรงค์เพื่อผู้บริโภคและในด้านอื่นๆอีกมากมาย ภาพของคุณรสนาจึงเป็นภาพของเอ็นจีโอที่เคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆตลอดเวลา ไม่ใช่ภาพของนักบริหาร กลุ่มคนที่จะลงคะแนนให้คุณรสนาจึงน่าจะเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่ได้เป็นฝ่าย 3 นิ้ว และบรรดาแนวร่วมที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับคุณรสนา ซึ่งไม่น่าจะมีมากนัก คุณรสนาจึงน่าจะเป็นม้านอกสายตา หากจะชนะการเลือกตั้งได้ ก็ต้องถือว่าเป็นการพลิกล็อคอย่างมโหฬารเลยทีเดียว
รศ.หริรักษ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนั้นคือแคนดิเดต ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเท่าที่ได้ประกาศตัวออกมาแล้ว ยังมีพรรคก้าวไกลที่เพิ่งประกาศว่าจะส่งผู้สมัครลงแข่งด้วย โดยจะประกาศชื่อในเดือนมกราคม 2565 ให้ข่าวว่าจะเป็นผู้สมัครที่เป็นที่รู้จักของชาวกทม. เป็นอย่างดี ถ้าเป็นเช่นนั้น กลุ่ม 3 นิ้วที่ตั้งใจจะเลือกนาย ชัชชาติ ส่วนใหญ่จะหันมาเลือกผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ทำให้นาย ชัชชาติที่คะแนนนิยมนำโด่งอยู่ตามโพลต่างๆขณะนี้จะต้องเสียคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนมากแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าใครน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเพพมหานคร สิ่งที่บอกได้ในขณะนี้คือ ผู้สมัครแต่ละคนก็จะมีฐานคะแนนที่เป็นของพรรคการเมือง หรือกลุ่มต่างๆที่สนับสนุนผู้สมัครแต่ละคนอยู่ มากน้อยต่างกันไป เช่น ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ก็จะมีกลุ่ม 3 นิ้วที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฐานเสียงใหญ่ แต่อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ยึดมั่นกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ หรือเรียกว่าเป็นพลังเงียบ กลุ่มพลังเงียบจะเป็นตัวตัดสินหากเทคะแนนให้ผู้สมัครคนใด ผู้สมัครคนนั้นน่าจะได้รับชัยชนะ
รศ.หริรักษ์ กล่าวอีกว่า ผู้ที่เกิดทันและโตทัน คงยังจำการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2528 ได้ ในระยะแรกผู้ที่ดูเป็นตัวเต็งที่จะได้รับเลือกตั้งคือ คุณชนะ รุ่งแสง ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่แล้วจู่ๆริมท้องถนน และทางแยกต่างๆในกรุงเทพมหานคร ก็ปรากฏมีหุ่นไล่กาที่ทำจากฟาง ประดับด้วยฝาเข่ง มีชื่อผู้สมัครเข้าแข่งขันเป็นผู้ว่าฯกทม.คือ พลตรี จำลอง ศรีเมือง ซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต หุ่นไล่กาและฝาเข่งเน้นความเป็นคนสมถะ ลงสมัครในนามกลุ่มรวมพลัง ซึ่งภายหลังกลายเป็นพรรคการเมืองคือ พรรคพลังธรรม ผลก็คือพลตรี จำลองชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จากประสบการณ์นี้ ผู้ที่จะได้เสียงจากพลังเงียบ ไม่น่าจะเป็นผู้ที่สังกัดพรรคการเมือง แต่ต้องเป็นผู้มีความแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆอย่างชัดเจน ความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต หากผู้สมัครคนใด มีคุณสมบัติที่ดี เช่น การศึกษาดี มีภาพลักษณ์เป็นนักบริหาร และทำให้พลังเงียบเชื่อได้ว่า เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ผู้สมัครคนนั้นจะชนะเลือกตั้ง ค่อนข้างแน่ ลองติดตามดูกันต่อไปว่านะครับ ว่าในที่สุดผู้สมัครคนใดจะเข้าวิน