วันที่ 20 ธ.ค.64 ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังใหม่ นายวงศกร ชนะกิจ ประธานกลุ่มขับเคลื่อนภูเก็ต พร้อมด้วยคุณแอน น.ส.มนัญญา (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาการผมร่วง หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า บูสเข็ม 3 ของจังหวัดภูเก็ต และปัจจุบันยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือการดูแลจากหน่วนงานที่เกี่ยวข้องอย่างเท่าที่ควร ซึ่งได้เข้ายื่นร้องขอการช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายทฤษฎี ไชยภักดี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าวฯ
ด้านนายวงศกร ชนะกิจ ประธานกลุ่มขับเคลื่อนภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการประสาน ก็ได้เข้าไปเข้าเยี่ยมคุณแอน น.ส.มนัญญา ที่มีอาการผมร่วงหลังฉีดวัคซีน ได้พูดคุยและรับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว จึงได้มีประสานงานขอความช่วยเหลือ ทั้งจากทางสภากาชาดจังหวัดภูเก็ตเพื่อหาแนวทางการเยียวยาเบื้องต้น รวมทั้งในวันนี้ ได้ประสานศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เพื่อพาคุณแอน เข้ามาเพื่อจะร้องขอการประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากนี้ก็คงต้องรอการประสานการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากทาง สสจ.ภูเก็ต และ สปสช.เป็นต้น
น.ส.มนัญญา ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ผ่านมาได้ประมาณ 3 เดือน ผมร่วงเกือบจะหมดศรีษะแล้ว ซึ่งได้ไปสอบถามที่คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตที่ตนไปรักษา จากการตรวจผลเลือดก็คืออาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดจากวัคซีน แต่เรื่องเอกสาร ทางคลินิกก็ยังไม่สามารถออกเอกสารได้ครบตามที่ทาง สสจ.ภูเก็ตต้องการ เพื่อที่จะนำไปทำเรื่องเยียวยา และจากนั้นก็ได้เข้าไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งหลังจากการตรวจผลชิ้นเนื้อออกมาแล้ว ก็ได้รับการวินิจฉัยออกมาว่าอาจจะเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อมๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดวัคซีน โดยที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้แจ้งว่า ไม่มียาที่จะรักษาอาการนี้ได้ ทางโรงพยาบาลฯ จึงให้ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ในการที่จะส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช กทม.
น.ส.มนัญญา ยังได้กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรักษา ก็รับผิดชอบตัวเองทั้งหมดมาโดยตลอด ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาติดต่อสอบถาม เข้ามาช่วยเหลือ หรือเยียวยาเลย ซึ่งก็ต้องนำเงินที่มีอยู่ไม่มากมาบริหารจัดการ เพื่อดูแลรักษาตัวเองไปก่อน ในช่วงนี้ ยิ่งรักษาเงินก็เริ่มหมด ผมก็ยิ่งร่วงหนัก ซึ่งหลังจากใช้ยา ก็มีผลข้างเคียง มีผมขึ้นเป็นเล็กน้อยแต่ว่าผมเป็นสีขาว อาการยังไม่ดีขึ้นเลย
ขณะนี้เสียสุขภาพจิตขึ้นทุกวัน แต่ด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ และมีลูกอีก 2 คนที่ต้องดูแลรับผิดชอบ หยุดงานไม่ได้ ยังต้องทำงานต่อไป ตอนนี้เห็นหน้าตัวเองในกระจกน้ำตาแทบจะไหล เริ่มจะไม่ไหวแล้ว ทั้งที่บ้านและเพื่อนๆ เริ่มที่จะไม่ให้ตนอยู่คนเดียว จึงอยากวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเบื้องต้นโดยหลักมนุษยธรรมบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองดิ้นรนในการรักษาตัวเองอยู่เพียงลำพัง