ปรากฎการณ์ผงาดขึ้นมาของเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 จ.สงขลา หลังชนะการเลือกตั้งได้เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ขึ้นคุมการดูแลพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด หลังชนะการลงคะแนนเหนือ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลงของนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ที่ไขก๊อกออกจากพรรคไป
ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่อาจปล่อยผ่านมองข้ามไปได้เลยในพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคเก่าแก่ถึงขั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันทางการเมืองของไทย แถมที่ผ่านมาในพรรคเองก็มีธรรมเนียมเก่าแก่ เรื่องระบบอาวุโส พรรษาทางการเมือง ผู้ใหญ่ผู้เยาว์รุ่นพี่รุ่นน้อง เข้มแข็งหนักแน่นกว่าพรรคอื่น แต่มาคราวนี้หลักการดังกล่าวกลับถูกฉีกทิ้งไม่มีชิ้นดี เพราะขนาดผู้อาวุโสระดับดาวสภาอย่างชินวรณ์ ที่มีเบอร์ใหญ่ของพรรคอย่าง ชวน หลีกภัย , บัญญัติ บรรทัดฐาน , สุทัศน์ เงินหมื่น ฯลฯ หนุนหลังยังต้องพ่ายให้กับนายกฯชาย เพราะผลการลงคะแนนที่ปรากฎออกมาก็ชัด จากผู้มาใช้สิทธิ์ 350 คน แบ่งคะแนนเป็นอดีตส.ส. (70%) จำนวน 48 คน ผลปรากฎว่าเลือกเดชอิศม์ 28 คน เลือกชินวรณ์ 19 คน ส่วนคะแนนองค์ประชุมอื่นๆ (30%) จำนวน 302 คน เลือกเดชอิศม์ 182 คน เลือกชินวรณ์ 118 คน เบ็ดเสร็จเดชอิศม์ชนะไปด้วยคะแนน 58.9128 ส่วนชินวรรณ์ได้ไป 39.4302 เป็นอันว่าเดชอิศม์คว้าเก้าอี้รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขึ้นเป็นแม่ทัพคุมภาคใต้คนใหม่ โดยมีชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่สนิทสนมแนบแน่นกับเดชอิศม์ขยับขึ้นมาเป็นรองเลขาธิการพรรคคนใหม่ หลังได้รับตำแหน่งเดชอิศม์คุยโวถึงเป้าหมายการเลือกตั้งครั้งหน้า “ผมมั่นใจจะประสานคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ให้ได้ ขอประกาศว่าจะเอาที่นั่งส.ส.ภาคใต้กลับมาให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต่ำกว่า 35 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า จากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเราได้เพียง 22 ที่นั่งเท่านั้น ”
ชื่อของเดชอิศม์อาจไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก แต่หากถามแวดวงการเมืองภาคใต้ชื่อของเดชอิศม์หรือที่คนสงขลารู้จักกันดีในนาม “นายกชาย” นั้น ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เกิดที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เริ่มต้นการเมืองระดับท้องถิ่นด้วยการเป็นสจ.เขต อ.รัตภูมิ และเป็นหัวคะแนนให้กับถาวร เสนเนียม มาตลอด หลังสั่งสมประสบการณ์จากการเมืองท้องถิ่นมาระยะหนึ่ง พ.ศ.2548 เดชอิศม์ตัดสินใจลงแข่งขันการเมืองระดับชาติครั้งแรก แม้อยากจะสวมเสื้อสีฟ้าใจจะขาดแต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีที่ว่างให้เดชอิศม์ลง สุดท้ายเจ้าตัวต้องหนีไปลงเลือกตั้งในนามพรรคไทยรักไทย ลงแข่งเขต 5 แต่ก็ต้องพ่ายให้กับ ประพร เอกอุรุ น้องรักของ นิพนธ์ บุญญามณี ขาใหญ่อีกคนของ จ.สงขลา
พ.ศ. 2551 หลังบอบช้ำจาการเมืองระดับชาติ เดชอิศม์ตัดสินใจหวนคืนการเมืองท้องถิ่นอีกครั้ง โดยตัดสินใจลงชิงนายกองค์การบริหารจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) แข่งกับ นวพล บุญญามณี น้องชายนิพนธ์ ผลปรากฏว่าเดชอิศม์ต้องผิดหวังอีกครั้ง ต่อมา พ.ศ. 2552 นวพลถูกกกต.แจกใบเหลือง สงขลาต้องเลือกตั้งนายกอบจ.ใหม่ เที่ยวนี้นิพนธ์ส่งอุทิศ ชูช่วย ลงชิงชัยเดชอิศม์ที่ได้รับการหนุนหลังจากถาวรก็ขอแก้มืออีกครั้งแต่สุดท้ายก็อกหักซ้ำสอง พลาดเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลาไปอีกคราว หลังพลาดเก้าอี้นายกอบจ.สงขลา 2 ครั้งซ้อน เดชอิศม์มุ่งเข็มหันหน้ากลับมาทำธุรกิจกับครอบครัวด้วยการรับเหมาก่อสร้างในจ.สงขลา และธุรกิจอื่นๆอีกมาก อาทิ ซื้อขายแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ รับขุดถมดิน ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหาร ขณะเดียวกันแผ่บารมีสร้างฐานการเมืองควบคู่กันไปหวังกลับมาผงาดอีกครั้งในยุทธจักรการเมือง สุดท้ายเดชอิศม์ก็ทำสำเร็จหลังกลับมายึดตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลาได้ 2 สมัย ภายหลังจากพลาดตำแหน่งนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
หลังเป็นนายกฯอบจ.คุมสงขลาได้ 2 สมัย เดชอิศม์ยังไม่ทิ้งความฝันมุ่งหน้าสู่การเมืองสนามใหญ่ เพราะความเป็นคนมือใหญ่ใจนักเลง เปี่ยมบารมี มากอิทธิพล ทำให้เดชอิศม์ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่หลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ ไล่ตั้งแต่นิพิฎฐ์ที่ตอนนั้นยังเป็นรองหัวหน้าพรรคคุมภาคใต้ ถาวรลูกพี่ใหญ่ที่สงขลา และรวมถึง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน สุดท้ายโอกาสก็มาถึงเดชอิศม์ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจส่งเขาลงสมัครเขต 5 สงขลาในการเลือกตั้ง 26 มี.ค. 2562 และเดชอิศม์ก็ไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ผิดหวัง แม้จะเป็นขาลงของพรรคที่ 14 จังหวัด 50 เขต พรรคประชาธิปัตย์ได้ส.ส.เหลือแค่ 22 คนเท่านั้น แต่หนึ่งในนั้นก็มีเดชอิสม์รวมอยู่ด้วย แถมยังเป็นส.ส.สมัยแรกที่ได้คะแนนมากที่สุดในจ.สงขลา สุดท้ายเดชอิศม์ก็ได้เป็นผู้แทนสมัยแรกเดินเข้าสภาใต้แจ๊กแก็ตสีฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์สมความตั้งใจ
ภารกิจวัดบารมีของเดชอิศม์ไม่ต้องรอนาน 16 ม.ค.จะมีเลือกตั้งซ่อม 2 เขตในพื้นที่ภาคใต้ คือ เขต 6 จ.สงขลา แทนที่ถาวร และ เขต 1 จ.ชุมพร แทนที่ชุมพล จุลใส ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์เคาะชื่อแล้วว่าจะส่ง “เลขาฯต๊าท” อิสรพงษ์ มากอำไพ หลานเมียชุมพลลงเลือกตั้งซ่อมเขต 1 จ. ชุมพร ส่วนเขต 6 จ.สงขลา “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล รองนายกฯอบจ.สงขลา ศรีภรรยาคนสวยของเดชอิศม์จะลงชิงชัยเองเลย งานนี้แพ้ไม่ได้เพราะเป็นสนามเปิดตัวผลงานครั้งแรก ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เสียท่าเดชอิศม์เสียหมาแน่นอน เพราะเอาเมียลงแถมเป็นงานแรกของตัวเองในตำแหน่งแม่ทัพใต้ ซึ่งก็ไม่ง่ายเพราะต้องเบียดต้องลุ้นกับทางผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีข่าวว่าทางพรรคลุงป้อมอาจหลีกทางให้กับพรรคร่วม โดยเฉพาะสายสัมพันธ์ระหว่างเดชอิศม์กับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เรียกว่าแนบแน่นเพราะเป็นนักการเมืองสายเทาสายดาร์คสายนักเลงเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ขอกันง่าย แต่ก็มาติดที่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐส่วนใหญ่ไม่อยากให้พรรค หลีกทางให้พรรคสะตอ คราวก่อนเลือกตั้งซ่อมก็เก็บน้องเทพไท เสนพงศ์ จากนครศรีธรรมราชมาแล้ว มารอบนี้ส่วนใหญ่ก็อยากให้เก็บ 2 เขตนี้ให้ได้เพื่อสร้างฐานเสียงของพรรคทางภาคใต้ สงขลาติดเมียเดชอิศม์ ชุมพรติดสัญญาใจกับลูกหมี ต้องรอดูว่าที่สุดพรรคพลังประชารัฐจะเอาอย่างไร คราวก่อนลงมติลับไปแล้ว สงขลาก็อยากให้ส่งแบบ 20:0 ส่วนชุมพร 17:3 ต้องรอดูว่าที่สุดพรรคลุงป้อมจะเอาไง ส่งทั้ง 2 เขตแบบจัดเต็มแตกหักกับพรรคประชาธิปัตย์กันไปเลย หรือส่งแบบใช้มวยหลอกเอามวยรองจัดคนลงแบบเสียมิได้ใช้พลังภายในแค่ครึ่งเดียว รักษาน้ำใจพรรคร่วมถนอมมิตรผู้สมัครฝ่ายตน หรือถอนตัวไปเลยแล้วอ้างว่าไม่อยากลงแข่งกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพวกเดียวกัน
///////////////
