วันนี้(21 ธ.ค.64) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมคณะผู้บริหาร แถลงทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2565 และมาตรการเพื่อประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตร้อยละ 4.0 ต่อปี ที่ถือว่าน่าพึงพอใจ
โดยทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ปี 2565 จะให้ความสำคัญกับ
1. การรักษาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการสนับสนุนของภารรัฐ
2. การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ที่ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการขับเคลื่อนการลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในปี 2565 จำนวน 1.18 ล้านล้านบาท
3. ส่งเสริมSMEs และ Startup ทั้งการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยอาศัยกลไกการตลาด ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
4. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจตาม (Bio-Circular-Green Economy) โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Model
5. การสนับสนุนการส่งออกและนำเข้าสินค้า
6. การส่งเสริมDigital Government ในการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นายอาคม ยังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้จัดมาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น
มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2565 โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยไม่รวมถึงค่าสินค้าและบริการบางชนิด เช่น ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ ค่ายาสูบ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
2. มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ 2 ลงเหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจากร้อยละ 1 ลงเหลือร้อยละ 0.01 (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ทั้งนี้ มาตรการจะมีผลบังคับใช้สำหรับการโอนและจดจำนองตั้งแต่วันถัดจากวันที่เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบ อนุมัติโครงการคนละครึ่งเฟส 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่เฟส3 จะจบภายในสิ้นปีนี้โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มโครงการในเดือนมีนาคม – เมษายน 2565 เป็นระยะเวลา 2 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รักษากำลังซื้อและทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินเพื่ออัพเดตฐานข้อมูลให้ทันสมัยและทำให้การโอนเงินคล่องตัวขึ้น/และยังขอดูในขั้นตอนการลงทะเบียนแต่คาดว่าผู้ใช้รายเก่าไม่ต้องลงทะเบียนใหม่เพียงเข้าไปยืนยันตัวตนและมียอดเก่าของเฟส 3 ที่ยังไม่ได้ใช่1หมื่นล้านบาทที่จะนำมาทบในเฟส 4 ด้วย //ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะเสนอครม.ในสัปดาห์หน้าและเปิดให้ลงทะเบียนในปี2565
มาตรการลดภาระผู้ประกอบการ และ/ หรือประชาชน ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ ตามพรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยให้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ขายสุรา ยาสูบ ไพ่ ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 เป็นระยะเวลา 1 ปี เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตขายรายเดิมซึ่งได้รับผลกระทบที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ต่อเนื่องในปีถัดไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
2. มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นลดอัตราภาษีตามปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้บินในประเทศเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565
3. มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ออกไปอีก 5 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2569
มาตรการการเงิน ได้แก่ โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้สังกัดกระทรวงการคลังเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การคืนเงินลูกหนี้ธนาคารที่มีประวัติการชำระดี การยกเว้นค่าธรรมเนียมนิติกรรมสัญญาและค่าประเมินหลักประกันส่วนลดค่าบริการและค่างวดสำหรับการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ทั้งนี้ คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 25,000 ล้านบาท การคืนเงินและรางวัลพิเศษรวม 1,335 ล้านบาท การลดอัตราดอกเบี้ยรวม 4,700 ล้านบาท ส่วนลดค่าบริการและส่วนลดค่างวดสูงสุด รวม 7.43 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายอาคม ยืนยันว่ายังมีงบประมาณเพียงพอตาม พรก.กู้เงิน แต่เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วจึงต้องผ่อนคลายการช่วยเหลือลงไม่เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดของโควิดจนต้องกักงบประมาณเอาไว้