คลังมอบของขวัญปีใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ เผยคนละครึ่งเฟส 4 เริ่ม มี.ค.ปีหน้า!

คลังมอบของขวัญปีใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ เผยคนละครึ่งเฟส 4 เริ่ม มี.ค.ปีหน้า!

วันนี้(21 ธ.ค.64) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมคณะผู้บริหาร แถลงทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2565 และมาตรการเพื่อประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตร้อยละ 4.0 ต่อปี ที่ถือว่าน่าพึงพอใจ

โดยทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ปี 2565 จะให้ความสำคัญกับ
1. การรักษาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการสนับสนุนของภารรัฐ
2. การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ที่ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการขับเคลื่อนการลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในปี 2565 จำนวน 1.18 ล้านล้านบาท
3. ส่งเสริมSMEs และ Startup ทั้งการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยอาศัยกลไกการตลาด ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
4. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจตาม (Bio-Circular-Green Economy) โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Model
5. การสนับสนุนการส่งออกและนำเข้าสินค้า
6. การส่งเสริมDigital Government ในการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

นายอาคม ยังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้จัดมาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น
มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2565 โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยไม่รวมถึงค่าสินค้าและบริการบางชนิด เช่น ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ ค่ายาสูบ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

2. มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ 2 ลงเหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจากร้อยละ 1 ลงเหลือร้อยละ 0.01 (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ทั้งนี้ มาตรการจะมีผลบังคับใช้สำหรับการโอนและจดจำนองตั้งแต่วันถัดจากวันที่เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบ อนุมัติโครงการคนละครึ่งเฟส 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่เฟส3 จะจบภายในสิ้นปีนี้โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มโครงการในเดือนมีนาคม – เมษายน 2565 เป็นระยะเวลา 2 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รักษากำลังซื้อและทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินเพื่ออัพเดตฐานข้อมูลให้ทันสมัยและทำให้การโอนเงินคล่องตัวขึ้น/และยังขอดูในขั้นตอนการลงทะเบียนแต่คาดว่าผู้ใช้รายเก่าไม่ต้องลงทะเบียนใหม่เพียงเข้าไปยืนยันตัวตนและมียอดเก่าของเฟส 3 ที่ยังไม่ได้ใช่1หมื่นล้านบาทที่จะนำมาทบในเฟส 4 ด้วย //ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะเสนอครม.ในสัปดาห์หน้าและเปิดให้ลงทะเบียนในปี2565

มาตรการลดภาระผู้ประกอบการ และ/ หรือประชาชน ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ ตามพรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยให้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ขายสุรา ยาสูบ ไพ่ ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 เป็นระยะเวลา 1 ปี เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตขายรายเดิมซึ่งได้รับผลกระทบที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ต่อเนื่องในปีถัดไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
2. มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นลดอัตราภาษีตามปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้บินในประเทศเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565
3. มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ออกไปอีก 5 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2569

มาตรการการเงิน ได้แก่ โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้สังกัดกระทรวงการคลังเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การคืนเงินลูกหนี้ธนาคารที่มีประวัติการชำระดี การยกเว้นค่าธรรมเนียมนิติกรรมสัญญาและค่าประเมินหลักประกันส่วนลดค่าบริการและค่างวดสำหรับการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ทั้งนี้ คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 25,000 ล้านบาท การคืนเงินและรางวัลพิเศษรวม 1,335 ล้านบาท การลดอัตราดอกเบี้ยรวม 4,700 ล้านบาท ส่วนลดค่าบริการและส่วนลดค่างวดสูงสุด รวม 7.43 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายอาคม ยืนยันว่ายังมีงบประมาณเพียงพอตาม พรก.กู้เงิน แต่เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วจึงต้องผ่อนคลายการช่วยเหลือลงไม่เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดของโควิดจนต้องกักงบประมาณเอาไว้

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น