ด่วน!!ศาลรธน.วินิจฉัย สั่ง’สิระ’พ้นตำแหน่ง ส.ส.

ด่วน!!ศาลรธน.วินิจฉัย สั่ง'สิระ'พ้นตำแหน่ง ส.ส.

เมื่อเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่มีผู้ร้องว่า นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดปมคดีฉ้อโกง ถือว่าขัดคุณสมบัติการเป็นส.ส.หรือไม่ โดยศาลรธน.ได้วินิจฉัย ให้นายสิระ ขัดคุณสมบัติการเป็นส.ส.

ทั้งนี้ ศาลรธน. ได้ระบุว่า สืบเนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฎร(ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ กรณีนายสิระ เจนจาคะ (ผู้ถูกร้อง) เคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวันในคดีหมายเลขดำที่ 812 /2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218 / 2538 เป็นกรณีที่ผู้ถูกร้องเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญาทำให้ผู้ถูกร้องเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10 )

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ตามมาตรา 82 วรรคสอง และมีคำสั่งยกคำขอให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาผูู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไว้ในสำนวน และให้หน่วยงานและพยานที่เกี่ยวข้องชี้แจงตามที่ศาลกำหนด พร้อมจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นายสิระ มีลักษณะต้องห้ามในการใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เป็นผลให้สมาชิกสภาพส.ส.สิ้นสุดลง

เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสิระ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดเกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา นายสิระ จึงเป็นบุคคลลักษณ์ะต้องห้ามเป็นส.ส.เป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง

หลังจากนี้ กกต.จะมีการพิจารณาดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัครซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาท

และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด ยี่สิบปีในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

บราซิลจัดประชุม”บริกส์”ถกสงครามภาษีทรัมป์
สเปน-โปรตุเกสไฟฟ้ากลับมาแล้ว 99 %
ให้เลือด = ให้ชีวิต เบื้องหลังทุกหยดโลหิต…คือหัวใจจิตอาสา CPF ทั่วไทย
"นฤมล" ร่วมประชุมนายกฯ เกาะติดค้าชายแดน แผนพัฒนาศูนย์ขนส่ง One Stop Service เพิ่มสะดวกนำสินค้าเข้า-ออก
"โฆษก กอ.รมน." แจงทำหน้าที่ปกป้องสถาบันชาติ ใช้อำนาจตามกม.แจ้งความ "ดร.พอล" ผิดอาญา 112
MEA ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารร่วมกับมูลนิธิช่างไทยใจอาสา เสริมความปลอดภัยชุมชน พร้อมยกระดับมาตรฐานการดูแลอาคารหลังแผ่นดินไหว
“สหพัฒนพิบูล” จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 อนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 2.40 บาท
ครม.ไฟเขียวงบ 355 ล้าน เร่งแก้ไขน้ำท่วม-ปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ‘แม่น้ำปิง-แม่น้ำกก’ ให้แก่กองทัพไทย
"ปานเทพ" สวนปาก "แซน" ขู่ฟ้องกลับ แย้มหลัง 23 พ.ค. ดีเอสไอพร้อมรับเป็นคดีพิเศษ ลุยพิสูจน์เหตุจริง ๆ "แตงโม" เสียชีวิต
“บางน้ำเปรี้ยว” ท้องฟ้าวิปริต “ตา 73” ช็อก! บ้านถล่มต่อหน้า-ทำได้แค่ยืนมอง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น