ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันขยายผลต่อหลังร่วมมือกับทางการกัมพูชาทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ จับกุมคนไทยได้ 39 คน ชี้ตอนนี้กำลังระบาดหนักและสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แถมมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท เตือนคนไทยอย่าหลงเชื่อ
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนกลาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.สส.สตม.) ในฐานะหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ระบุถึงกรณีประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ประเทศกัมพูชา บุกจับแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมืองของประเทศกัมพูชาหลังจากชุดสืบสวนของ บก.สส.สตม. และตำรวจ PCT สืบสวนแกะรอยพบว่าทั้งสองแห่งเป็นจุดที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยใช้เป็นแหล่งกบดานในการกระทำความผิดหลอกลวงคนไทยให้โอนเงินด้วยวิธีการต่างๆทำให้เกิดความเสียหายจำนวนหลายร้อยล้านบาท
โดยพล.ต.ต.พันธนะขยายความเพิ่มเติมว่า ได้มีการประสานงานร่วมกับประเทศกัมพูชากว่า 2 เดือน เพื่อสืบสวนรวบรวมข้อมูลจนพบว่ามีการเชื่อมโยง 2 เมือง มีการเดินทางไปมาหากันจึงได้ทำการตรวจสอบจึงได้ขออนุมัติในการปฎิบัติงานและหมายค้นทางกัมพูชาก่อนเข้าตรวจค้นและจับกุมได้ทั้งหมดคนไทย39คนและคนจีนอีก5คน
ส่วนพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดคือการตั้งเป็นกลุ่มโดยมีคนจีนเป็นเจ้าของ และจ้างคนไทยเข้าไปทำการโทรศัพท์หลอกลวงผู้หลงเชื่อ โดยใช้วิธีสุ่มโทร อาทิ มีการอ้างว่าส่งพัสดุผิดกฎหมายเพื่อทำการหลอกให้โอนเงินเป็นต้น ซึ่งขณะนี้ผู้ก่อเหตุชาวไทยได้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย แล้วตั้งแต่เมื่อวานแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการกลับตัว State quarantineของจ.สระแก้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ขอเวลาอีก 7 วันหลังครบกำหนด เพื่อที่จะขยายผลสอบสวนเพิ่มเติม/ในเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินผู้เสียหายได้เพราะเป็นการสุ่มโทรแต่เชื่อว่าจะมีเยอะมาก และมูลค่ากว่าร้อยล้านบาทและในเบื้องต้นกำลังขอเอกสารจากทางฝั่งกัมพูชาในเรื่องของหลักฐานบัญชีต่างๆเพื่อดำเนินการสืบสวนต่อไป
พล.ต.ต.พันธนะ ย้ำว่า จะมีการขยายผลจับกุมเพื่อช่วยเหลือคนไทย ให้มีการถูกหลอกอย่างเต็มที่ โดยจะเร่งทลายแก๊งหลอกลวงและรวบรวมพฤติกรรมแก๊งหลอกลวงเพื่อใช้ในการแจ้งเตือนคนไทยให้รู้เท่าทัน และแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อและโอนเงินให้ใครง่ายๆและขอให้เช็คข้อมูลต่างๆ และวิธีการทำงานต่างๆของตำรวจไม่มีการให้โอนเงินอย่างแน่นอน