มีรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ถึง เรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ จากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา (COVID19) เกิดขึ้นและลุกลามไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และลุกลามเข้าไปเรือนจำ/ทัณฑสถาน ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวเนื่องจากมีจำนวนผู้ต้องขังถูกคุมขังอย่างหนาแน่น อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ต้องขัง และสร้างปัญหาให้แก่เรือนจำ/ทัณฑสถานอยู่ในปัจจุบัน
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมราชทัณฑ์จะได้ดำเนินการขออภัยโทษเป็นการเฉพาะรายให้แก่นักโทษเด็ดขาดกลุ่มเปราะบาง สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเป็นอันตรายแก่ชีวิต จึงขอให้เรือนจำ ทัณฑสถาน สำรวจจำนวนนักโทษเด็ดขาดตามลักษณะที่กำหนดดังต่อไปนี้
1.นักโทษเด็ดขาดที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป (นับถึงวันที่ 20 พ.ค.64) และมีโรคประจำตัว
2.นักโทษเด็ดขาดที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป (นับถึงวันที่ 20 พ.ค.64)
3.นักโทษเด็ดขาดที่มีสภาพร่างกายพิการ โดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้างหรือแพทย์ให้การรับรองว่าเป็นบุคคลทุพพลภาพพ
4.นักโทษเด็ดขาดที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(เอดส์) และโรคจิต
5.นักโทษเด็ดขาดที่เป็นโรคอื่นๆ ซึ่งแพทย์ให้การรับรองว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และล่อแหลมต่อการติดโรค
6.นักโทษเด็ดขาดซึ่งแพทย์ให้การรับรองว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียง
โดยให้แจ้งจำนวนนักโทษเด็ดขาดซึ่งมีลักษณะดังกล่าว ไปยังกรมราชทัณฑ์โดยด่วน ภายในวันที่ 21 พ.ค.64 และส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่นหมายจำคุก หมายลดโทษ และใบรับรองแพทย์ พร้อมรายงานให้กรมราชทัณฑ์ทราบภายในวันที่ 25 พ.ค.2564
ทีมข่าว Top News ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้รับการเปิดเผยว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นการขอพักการลงโทษเป็นกรณีพิเศษ สำหรับกลุ่มเปราะบาง จากเดิมการพิจารณาคุณสมบัติการพักโทษอาจมีข้อจำกัดบางประการ แต่ตอนนี้ก็จะปลดล็อกข้อจำกัดบางอย่างออกไป เพื่อที่จะได้มีจำนวนผู้ได้รับการพักโทษเพิ่มขึ้น ขณะนี้กำลังร่างหนังสือเพื่อเตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอนุมัติเห็นชอบ
สำหรับข้อกังวลของประชาชนเรื่องการปล่อยนักโทษออกมาสู่สังคมนั้น ต้องแบ่งเป็น 2 ประเด็น คือคนอาจกังวลเรื่องเชื้อโควิด ต้องชี้แจงว่ามีระบบการส่งต่อของผู้พักการลงโทษ ถ้าเป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวก็จะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม อีกข้อกังวลของประชาชนคือเรื่องของการก่อคดีอาชญากรรมนั้น ในระหว่างที่ผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ แต่ละคนจะได้รับการพัฒนาทักษะต่างๆ ทั้งการศึกษา การฝึกอาชีพ การอบรมบ่มนิสัย เพื่อให้พร้อมกลับคืนสู่สังคม ขณะเดียวกันทางกรมราชทัณฑ์ได้ประสานกับกรมพัฒนาชุมชน กรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เพื่อให้ผู้พักโทษได้มีงานทำ อีกทั้งผู้พักโทษเป็นผู้ที่ถูกคุมความประพฤติ ดังนั้นจะต้องมีการเข้ารายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติในพื้นที่ของตัวเองตามกำหนดอยู่แล้ว ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าจะไม่มีการละเมิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ
ซึ่งทางราชทัณฑ์จะส่งรายชื่อผู้พักโทษให้กับทางกระทรวงมหาดไทย และท้องถิ่นรับทราบด้วยว่าผู้พักโทษกำลังจะกลับไปในพื้นที่แล้ว ส่วนเคสที่เป็นคดีสำคัญ เชื่อว่าคณะกรรมการพิจารณาการพักโทษคงไม่อนุมัติอยู่แล้ว ยืนยันว่ามีการคัดกรองเป็นอย่างดี ส่วนตัวเลขผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 2-3 พันคน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ามาตรการนี้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหานักโทษล้นคุก ลดความแออัด ส่วนการป้องกันการก่ออาชญากรรมนั้นคงจะต้องร่วมกันทุกฝ่ายในสังคม