หลังจากพรรคการเมืองบางพรรค ออกมาวิจารณ์รัฐบาล ว่ามีท่าทีนิ่งเฉยต่อสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกะเหรี่ยงKNUในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ล่าสุดมีความเห็นจาก นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ Pat Hemasuk ระบุว่า พม่ามีปัญหากับชนกลุ่มน้อยมาหลายสิบปี เขารบกันทุกปี มากบ้างน้อยบ้าง มีมาก่อนพ่อแม่ของ ส.ส. หรือแคนดิเดท สส.บางพรรคจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ส.ส.บางพรรคจะใกล้กระป๋องกาวมากไปสักหน่อยแล้ว ที่ไปยุ่งกับเรื่องอ่อนไหวของเพื่อนบ้านแบบนี้ เรื่องนี้ไทยเราใช้วิถีทางทางการทูตและสมดุลทางการทหารต่อปัญหานี้มาตลอด เราให้ที่พักพิงแก่คนที่หนีสงครามมา พอเขาหยุดยิงชาวบ้านก็ข้ามกลับไป ไม่มีใครมาแล้วไม่กลับ บางคนมาเช้ากลับเย็นก็มีไม่น้อย มันเป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว
นายภัทร ระบุต่อว่า บางครั้งผมก็ดีใจที่พรรคนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล ที่พูดมาจะให้ทหารไทยไปรบกับใคร พม่าหรือกะเหรี่ยงKNU พูดเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรสักเรื่องทั้งการทูตและการทหาร ทหารไทยก็ประจำหน่วยดูแลชายแดนตลอดเวลา กระสุนตกใกล้ชายแดนก็ยิงเตือนกลับไป ซึ่งทั้งสองฝ่ายทั้งพม่าและกะเหรี่ยงก็ระวังตัวไม่อยากมีปัญหากับทหารไทย เพราะในอดีตถ้าทหารไทยยิงเตือนแล้วไม่หยุด กระสุนชุดหน้าก็ยิงลูกจริงตกลงกลางวงแตกฮือทั้งพม่าและกะเหรี่ยง เพราะกระสุนมันไม่มีตาให้มองเลือกข้างฝังไหนทั้งนั้น เรื่องภายในของประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องไปยุ่งกับเขาได้เป็นดีที่สุด เราไม่รบกับใครที่ไม่มีปัญหาโดยตรงกับเรา เขาจะรบกันในเขตประเทศของเขาเราไม่ควรไปยุ่งด้วย นั่นคือสิ่งที่เราใช้มาหลายสิบปี
นายภัทร ทิ้งท้ายว่า เห็นด่าทหารไทยมาตลอด ครั้งนี้จะให้ทหารไทยสอดมือไปรบเป็นฝ่ายกองกำลังที่สามหรืออย่างไร ทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากมีปัญหากับฝั่งเราเลย ดังนั้นการไม่เสือกเรื่องของเพื่อนบ้านเป็นดีที่สุด เรื่องอะไรก็รู้ดีไปหมด เรื่องวัคซีนก็รู้ดีกว่าหมอ เรื่องเศรษฐกิจการเงินระหว่างประเทศก็รู้ดีกว่าธนาคารชาติ เรื่องปัญหาชายแดนก็รู้ดีกว่านักการทูตและทหารที่เขาเจอกับปัญหาเดิม ๆ มาหลายสิบปี โชคดีของประเทศแล้วที่พวกใกล้กระป๋องกาวไม่เป็นรัฐบาลทั้งในเวลานี้และอนาคตข้างหน้า เพราะคนพวกนี้เป็นได้มากที่สุดคือ ตัวตลกที่โหนทุกปัญหาไปวัน ๆ