เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนตั้งฉายาวุฒิสภา “ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก คสช.” ว่าสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้ตำหนิอะไร ถือเป็นการสะท้อนการทำหน้าที่ของวุฒิสภา แต่จะต้องนำมาพิจารณาปรับปรุงการทำหน้าที่ว่าอะไรที่เกิดภาพลบต่อวุฒิสภาที่จะต้องขจัดภาพลักษณ์ดังกล่าวไป ซึ่งนับจากนี้เหลือเวลาอีกกว่า 2 ปีเท่านั้น ต้องปรับเปลี่ยนภาพในความรู้สึกดังกล่าว โดยจะปรับจากการกระทำของวุฒิสภาเอง ฉายาที่ผ่านมาสองปีเป็นภาพลบทั้งสิ้น หลังจากนี้ต้องแก้ไขและสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก
เมื่อถามถึงการเมืองปี 2565 นายวันชัย กล่าวว่า จะมีประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจวุฒิสภาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมหน้า โดยมีความวิตกกังวลว่าจะเป็นประเด็นแตกหักของรัฐสภา และเป็นความขัดแย้งใหญ่ด้วย เชื่อว่าส.ส. ส่วนใหญ่ที่มาจากการเลือกตั้งต้องการโหวตนายกรัฐมนตรีเอง แต่ขณะเดียวกันอาจมีบางกลุ่ม บางพวกหรือผู้มีอำนาจยังคงต้องการให้ ส.ว. ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีอยู่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวกับสถานการณ์อีก 6 เดือนกว่าใกล้การเลือกตั้งอาจเกิดปรากฏการณ์ “ลำหักลำโค่น” เพื่อให้นำไปสู่ชัยชนะในสภาฯ ถือเป็นเรื่องสำคัญประมาณว่าอาจถึงขั้นแตกหัก โดยเฉพาะส.ส.จะมองอำนาจที่จะมาใหม่ใน 6 เดือนข้างหน้า เพราะรัฐบาลปัจจุบันเหลือเวลาไม่มาก แต่อำนาจใหม่จะมีถึง 4 ปี ซึ่งจะสะท้อนเสถียรภาพการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองว่าจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 แม้ว่าจะเคยถูกตีตกมาแล้ว แต่การพิจารณาครั้งใหม่ไม่มีอะไรการันตีว่าจะตีตกหรือไม่ เนื่องด้วยสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป หากสภาผู้แทนราษฎรรวมพลังกันได้เกิน 400 เสียง ก็จะเป็นแรงปะทะใหม่ และสมาชิกวุฒิสภาก็จะต้องคิดหนัก จึงคิดว่าเป็นเรื่องของการ “ลำหักลำโค่น”