ที่ผ่านมามีข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรง อาการ ของไวรัสสายพันธุ์ “โอไมครอน” ออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun โดยระบุว่า ไวรัส Omicron ทำให้ผู้ฉีด Pfizer ครบ 3 เข็มและมีพฤติกรรมเสี่ยง ติดโควิดสูงถึง 63.6% แต่อาการไม่แรง ( กรณีคลัสเตอร์หมู่เกาะฟาโรห์ ) เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์ Omicron เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่องค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศได้ประมาณหนึ่งเดือน ( 26 พฤศจิกายน 2564 )
ทำให้เรามีข้อมูลและสถิติของไวรัสชนิดนี้ ที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์มากนัก การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จะทำให้มนุษย์เรา สามารถเข้าใจธรรมชาติของไวรัส Omicron มากขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือการระบาดของไวรัสได้ดียิ่งขึ้น
เป็นที่ทราบในเบื้องต้นว่า ไวรัส Omicron มีการแพร่ระบาดได้รวดเร็วและกว้างขวาง แพร่ระบาดไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีการดื้อต่อวัคซีน แต่อาการไม่ค่อยรุนแรงมากนัก
การเก็บตัวเลขในกลุ่มคลัสเตอร์ที่ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก
วันนี้มีรายงานการศึกษาที่หมู่เกาะฟาโรห์ ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก และเป็นเขตที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในลำดับต้นของโลก
รวมทั้งมีการตรวจการติดเชื้อที่สูงมากคือตรวจถึง 12 เท่าของจำนวนประชากร หมู่เกาะนี้มีประชากรประมาณ 50,000 คน คือมีการตรวจประมาณ 600,000 เทสต์
การระบาดเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่จัดงานสังสรรค์เป็นส่วนตัวจำนวน 33 ราย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน บางรายมีอาการคล้ายโควิด จึงได้ทำการตรวจพีซีอาร์ พบผลเป็นบวกหรือติดโควิด
ที่สำคัญคือ ในคลัสเตอร์ดังกล่าว ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 3 เข็มแล้ว เป็นเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ ซึ่งจะมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงเพียงพอ
อัตราของผู้ติดเชื้อยังคงสูงมากถึง 63.6% คือ 21 ราย จาก 33 ราย และในจำนวน 21 รายนี้ ได้ตรวจคอนเฟิร์มแล้วว่าเป็นไวรัส Omicron ถึง 17 ราย
ผู้ติดเชื้อมีอาการหมดทุกราย (100%) ในระดับน้อยถึงปานกลาง ไม่มีรายใดที่ต้องนอนโรงพยาบาล
อาการประกอบด้วย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย และมีไข้ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการสูญเสียการได้กลิ่นและรับรส
พบว่ามีระยะฟักตัวค่อนข้างสั้นคือ 3.24 วัน (2-6 วัน) และมีอาการประมาณ 1-9 วัน
จึงทำให้เป็นข้อมูลสำคัญ ที่ช่วยยืนยันว่าไวรัส Omicron ดื้อต่อวัคซีนหรือทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และในคลัสเตอร์ที่หมู่เกาะฟาโรห์ ยิ่งทำให้เกิดความเป็นห่วง เพราะทุกคนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบ 3 เข็ม ก็ยังติดเชื้อถึง 63.6% เพียงแต่วัคซีนช่วยทำให้ไม่มีผู้ใดป่วยจนอาการหนักต้องเข้าโรงพยาบาล
ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยป้องกันการระบาดของไวรัส Omicron จากรายงานฉบับนี้ จึงได้แนะนำว่า
- 1.ให้งดเว้นการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเฉพาะในอาคาร และมีการระบายอากาศไม่ดี
- 2.หลีกเลี่ยงพฤติกรรม การหัวเราะ ร้องเพลง และพูดจาเสียงดัง
- 3.หลีกเลี่ยงการถอดหน้ากากอนามัยออกในการพบปะผู้คน
- 4.เร่งฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อช่วยลดความรุนแรงของการเป็นโรค ถ้าบังเอิญติดเชื้อขึ้นมา
การป้องกันการติดไวรัส Omicron ควรดำเนินการดังนี้
- 1.ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน
- 2.งดการเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะที่อยู่ในอาคารและระบบระบายอากาศไม่ดี
- 3.หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดและมีการพูดคุย หัวเราะเสียงดัง หรือร้องเพลงจะทำให้ลดโอกาสการติดไวรัส Omicron ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกรณีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จะทำให้ติดเชื้อลดลงได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือจะลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงถ้าบังเอิญติดเชื้อขึ้นมา