ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 27 ธ.ค.2564 ที่ห้องประชุมศูนย์ประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา ใกล้กับประตูด่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติการสกัดกั้นและสืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ รวมถึงยาเสพติดและของผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม โดยการบูรราการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง และฝ่ายปกครอง เพื่อวางมาตรการป้องกันฯ รวมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย โดยมีหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ทั้ง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ตรวจคนเข้าเมือง จัดหางานจังหวัด ด่านศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าร่วมประชุม
พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผบ.ตร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงานของกำลังพลจากทุกเหล่าทัพและตำรวจ ที่ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมและสนับสนุนรัฐบาลในการเปิดประเทศที่ผ่านมา และทาง ผบ.ตร.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้มีการตั้งคณะทำงานสกัดกั้นและสืบสวนปราบปรามขยายผล เครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ซึ่งได้มีการสั่งการให้พื้นที่เข้มงวดในเรื่องจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันกลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองและการค้ามนุษย์ รวมถึงยาเสพติดและของผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม ซึ่งภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปของหน่วยต่าง ๆ แล้ว จึงได้เชิญหน่วยต่าง ๆ มาประชุมเพื่อบูรณาการร่วมกันในวันนี้ เพื่อเน้นย้ำไปยังพื้นที่ตามแนวชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญตามนโยบายที่ ผบ.ตร.เน้นย้ำ เพราะเป็นด่านแรกที่ต้องบูรณาการร่วมกันระหว่าง ทหาร ตำรวจ ส่วนพื้นที่ส่วนในก็ได้เน้นย้ำเรื่องการบูรณาการ ระหว่าง แรงงานจังหวัด ตำรวจ ในการตรวจพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ให้ที่พักพิงต่าง ๆ เพื่อกดดันไม่ให้กลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมือง แอบลักลอบเข้ามาทำงานได้ ตามมาตรการของรัฐบาล
พร้อมกำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ และตำรวจ ยังคงความต่อเนื่อง กวดขันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นในอย่างเข้มข้นและไม่ประมาท โดยให้สอบสวนขยายผลนายทุน นายจ้างและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การค้าแรงงานเถื่อน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงการค้ามนุษย์มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ยังให้เฝ้าระวังและคุมเข้มมาตรการคัดกรองควบคุมโรคตามแนวชายแดนไปด้วยกัน
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า หลังจากประชุมหารือกำหนดมาตรการ การป้องกันคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รวมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย โดยวันนี้ได้กำหนด 5 มาตรการ เริ่มตั้งแต่พื้นที่ตามแนวชายแดน มาจนถึงพื้นที่ตอนใน เราได้กำหนดมาตรการสุดท้ายคือในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ซึ่งทาง ผบ.ตร.ก็มีความห่วงใย ในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ และข้าราชการหน่วยงานต่างๆด้วย โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนั้นยังได้ให้ตนลงพื้นที่มาให้กำลังใจกับข้าราชการตำรวจ 5 สภ.ที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดน และให้เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวัง ไม่ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้ามา จริงๆแล้วในพื้นที่ภาคอีสาน จากสถิติการจับกุมของ สนง.ตำรวจแห่งชาติ จะมีชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวกัมพูชาและลาว จำนวนน้อยกว่าทางพม่า ซึ่งในพื้นที่ภาคอีสานไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องภาคอุตสาหกรรม ที่ยกเลิกหรือปิดตัวลง กลุ่มแรงงานต่างๆเหล่านี้ก็ต้องหาทางเดินทางกลับภูมิลำเนา เราก็ได้กำหนดมาตรการรองรับไว้แล้ว ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ จะเป็นการบูรณาการในการทำงานร่วมกัน นำข้อมูลมาเปิดเผยกัน จึงต้องกำหนดมาตรการขึ้นมาเพื่อกำหนดวิธีการ นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ โดยมีเป้าหมายเดียวกัน ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และมีวิธีการเหมือนกัน มีข้อมูลก็เปิดเผยซึ่งกันและกัน ตนคิดว่าการบูรณาการร่วมกันในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด คิดว่า 5 มาตรการที่เราร่วมกันประชุมในวันนี้ ก็คงจะเดินหน้าไปได้ดี ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว
ภาพ/ข่าว ทีมข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์
เรียบเรียง / กฤษดากร กีรติธำรงเจริญ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์