วันนี้ (29 ธ.ค. 64) เวลา 06.15น. ร.ต.อ.คมสัน ทีฆกาญจน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณริมกำแพงรั้วด้านหลังของฐานปฏิบัติการหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ นราธิวาสที่ 21 ซึ่งตั้งอยู่บ้านบาเละ หมู่ 10 ต.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ท.สุกฤษฐ์ กาญจนคลอด รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส 46 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณริมกำแพงข้างถนนซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด ถูกอนุภาพของระเบิดทำให้เสาปูนซิเมนต์ของกำแพงรั้วที่ก่อสร้างแบบสำเร็จรูปหัก 1 ต้น และมีแผ่นปูนซิเมนต์ที่หล่อเป็นกำแพงรั้วแตกหัก 2 แผ่น รวมทั้งซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังนายนายนิติ ชัยภูมิ นายสถานีรถไฟรือเสาะ เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เนื่องจากฐานปฏิบัติการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาสที่ 21 ตั้งอยู่ในเขตของสถานีรถไฟรือเสาะ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณประแจเบอร์ 1 หรือ จุดสับรางก่อนออกจากสถานีรถไฟรือเสาะ พบผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ โดยคนขับรถจักรยานยนต์เป็นชายแต่งกายด้วยเสื้อ และกางเกงขายาวสีดำ ส่วนคนนั่งซ้อนท้ายลักษณะคล้ายผู้ชาย แต่อำพรางด้วยการแต่งกายเป็นผู้หญิงในชุดกางเกงสีออกเหลือง และคลุมศรีษะด้วยผ้าสีออกส้ม ขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนไปมา 2 รอบ ก่อนที่จะผ่านจุดวางระเบิดข้างกำแพงไปประมาณ 1 นาที ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นสั่นหวั่นไหว ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นคนร้ายจำนวน 2 คน ที่นำระเบิดแสวงเครื่องไปวางแบบเร่งด่วน เนื่องจากถนนสายดังกล่าวมีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดูกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่า คนร้าย 2 คน อาจจะเป็นคนร้ายชุดเดียวกับลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 46 ขณะ รปภ.พระสงฆ์เดินบิณฑบาต ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา เนื่องจากพฤติกรรมคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้อำพรางตัวด้วยการแต่งกายเป็นผู้หญิงเหมือนกัน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นรายวัน