เมื่อเวลา 13.00 วันที่ 22 ส.ค.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับเรือนจำพิเศษมีนบุรี มีจำนวนผู้ต้องขัง 3,826 คน โดยมีพยาบาลทำหน้าที่ฉีดวัคซีน จำนวน 12 คน เทียบเป็นอัตราพยาบาล 1 คนต่อผู้ต้องขัง 250 คน ซึ่งเมื่อคำนวณได้จำนวนนี้แล้วคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆของพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ครบถ้วน และจะสามารถฉีดเข็มที่ 2 ได้ในคราวถัดไปทันที
ส่วนสาเหตุที่เลือก เรือนจำพิเศษมีนบุรี เป็นเรือนจำ นำร่องในการฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง เนื่องจากที่นี่ ไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้อ จึงง่ายต่อการดูแลและฉีดวัคซีน
ขณะที่แผนในอนาคต คาดว่า เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีจำนวนผู้ต้องขัง 6,548 คน จะสามารถฉีดวัคซีนได้เป็นเรือนจำฯ ถัดไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังยืนยันว่า การจัดสรรโควตาวัคซีนสำหรับฉีดให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ จะพิจารณาว่า หากเรือนจำฯใด มียอดผู้ติดเชื้อลดลง จะพิจารณาให้เรือนจำฯนั้น ได้ฉีดวัคซีนได้ก่อน เนื่องจากจะเป็นแนวทางในการควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้ง่ายกว่า และได้สั่งการให้แต่ละเรือนจำปฎิบัติตามแผน SOP ในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำ
สำหรับกรมราชทัณฑ์ ได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2 ชนิด คือ ซิโนแวค เพื่อฉีดแก่ผู้ต้องขังกลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี และแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อฉีดให้กับผู้ต้องขังกลุ่มสูงอายุ และกลุ่มป่วย 7 โรคเรื้อรัง