วันที่ 29 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีว่า สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีเป็นประเด็นที่ทุกคนสนใจ ว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านได้แถลงไปหลายครั้งและขอยืนยัน ในความมุ่งมั่นว่าจะใช้เงื่อนไขนี้และคุณสมบัตินี้ของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนในมาตรา 158 ว่าจะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีไม่ได้ และมีบท เฉพาะการรองรับมาตรา 264 รับรองความเป็นคณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่มีอยู่ก่อนหน้า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะประกาศบังคับใช้ ให้เป็นคณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งการตีความตัวบทของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีความมั่นใจว่าการตีความตัวบทเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และเมื่อถึงเวลาหากพลเอกประยุทธ์ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือวันที่ 24 สิงหาคม 65 ซึ่งครบกำหนดจริงในวันที่ 23 สิงหาคม 65 ทางพรรคเพื่อไทยจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติข้อนี้ให้เป็นข้อยุติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยอย่างไร
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนความเห็นของฝ่ายรัฐสภานั้น ตนไม่ขอออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น เพราะทางเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ก็คงจะทำตามหน้าที่ในการให้ความเห็นกับประธานรัฐสภา ซึ่งถือว่าเป็นความเห็นภายใน ดังนั้นจะไม่มีผลผูกพันกับใครใดๆทั้งสิ้น
ส่วนช่องทางที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นนั้น เบื้องต้นจะยื่นเข้าชื่อผ่านประธานรัฐสภา หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีกรณียื่นผ่านประธานรัฐสภา แต่ไม่ผ่านตามเงื่อนไขของกฎหมาย มีการปรึกษาข้อกฎหมายบ้างหรือยังนั้น ตนมองว่าวิธีการยื่นไม่น่าเป็นประเด็น เพราะถ้าครบตามเงื่อนไขแล้วสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ตรวจสอบคุณสมบัติได้ ซึ่งมาตรา 82 ได้ให้อำนาจไว้ว่า สามารถที่จะยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี หรือส.ส. ว่ามีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็สามารถเข้าชื่อกันได้ ส่วนวิธีการก็คือเข้าชื่อ 1 ใน 10 โดยทำเรื่องผ่านประธานรัฐสภา และประธานรัฐสภามีหน้าที่นำเรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งประธานรัฐสภาไม่มีหน้าที่วินิจฉัยว่ายื่นถูกหรือไม่ถูกอย่างไร