เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก เรื่อง ชี้แจงความจริงที่มากกว่า “ เอกสารที่ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.แจ้งต่อสื่อ ”
ระบุเนื้อหาว่า วันที่ 22 พฤษภาคม 2564 ผมเองเพิ่งได้รับทราบจากข่าวในผู้จัดการออนไลน์เมื่อวันศุกร์ช่วงบ่าย หลังจากได้อ่าน ทราบว่าประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ได้ส่งข่าวมาชี้แจงถึงจดหมายที่ผมยื่นสอบถามไปเมื่อวันที่ 10 “เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาสรรหาผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(ส.ส.ท.)” จนถึงขณะจดหมายชี้แจงอย่างเป็นทางการยังมาไม่ถึงผม ตรวจสอบทั้งที่บ้านและที่ทำงานเอกสารชี้แจงอย่างเป็นทางการคงยังมาไม่ถึง ก็ถือโอกาสทำเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อเพื่อให้ได้รับข้อมูลความจริงที่ครบถ้วนแก่สังคมไทย
จดหมายชี้แจงที่ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ลงนามโดยประธานกรรมการสรรหาฯ ชี้แจงมาว่า
ข้อที่ 1 การพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครในรอบของการแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามนั้น คณะกรรมการสรรหามีหลักเกณฑ์การให้คะแนนการแสดงวิสัยทัศน์ได้แก่
1.1 ประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร
1.2 มีจิตสาธารณะ มีประสบการณ์ในการทำงานด้านสาธารณะอื่นๆ
1.3 มีวิสัยทัศน์ เรื่องการบริหารจัดการองค์กรสาธารณะ
1.4 กลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กร
ต้องเรียนต่อสังคมวิญญูชนผู้มีสติปัญญาว่า หลักเกณฑ์จดหมายดังกล่าวมีมาถึงผมเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 หลังจากที่มีการปิดรับสมัครเป็นที่เรียบร้อย เอกสารเบื้องต้นประวัติผลงานและวิสัยทัศน์ที่ยื่นไป คงผ่านการรับรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย จึงมีหลักเกณฑ์ส่งมาถึงผมเพื่อเชิญให้ไปนำเสนอวิสัยทัศน์ และรับการสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือก
– คำถามที่อยากจะถามประธานกรรมการสรรหา คุณ ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวทำไมถึงไม่บอกกล่าวสาธารณะชน และบอกหลักเกณฑ์นี้ให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้าในช่วงมีการเปิดรับสมัคร ทำไมเพิ่งมาแจ้งหลักเกณฑ์หลังจากการปิดรับสมัครผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยหลายวันแล้ว หลักเกณฑ์การให้คะแนนเป็นอย่างไร มีเกณฑ์การให้คะแนนจากคณะกรรมการสรรหาทั้ง9 คนไม่น้อยกว่าร้อยละ60 ก็ไม่ได้มีการสื่อสารบอกกล่าวใดๆแก่ผู้สมัครเลย ทั้งในจดหมายเชิญก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเหล่านี้ เพิ่งทราบหลังจากจากสื่อ Manager ได้เผยแพร่สิ่งที่คุณ ชวรงค์ส่งมาเท่านั้น
– ประธานกรรมการสรรหาคุณ ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี มีจดหมายเชิญให้ข้าพเจ้ามานำเสนอวิสัยทัศน์ และรับการสัมภาษณ์ ขอชี้แจงด้วยความสัตย์จริงว่าไม่มีการสัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการซักถามสัมภาษณ์ ข้อมูลความรู้ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ ซึ่งหากมีการสัมภาษณ์ซักถาม ย่อมเกิดประโยชน์ หากเขาจะสัมภาษณ์ สอบถามสักคนสองคำสามคำ เพื่อดูว่ามีจิตเจตนา มีสติปัญญา มีความรู้ ซักถามทุกแง่มุมในความรู้ความสามารถแค่ไหน ต้องของย้ำว่าจดหมายเชิญให้ไปแสดงวิสัยทัศน์และรับการสัมภาษณ์
ข้อที่ 2 นายชวรงค์ ลิปป์ปัทมปาณี ได้หยิบยกหลักเกณฑ์ อ้างระเบียบข้อ9.1 กำหนดให้คณะกรรมการ สรรหา คัดเลือกผู้สมัครให้เหลือผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่ง ผอ ส.ส.ท. ไม่น้อยกว่า 2 คนและไม่เกิน 5 คน คำถามที่ต้องถามนายชวรงค์ การเปิดโอกาสแห่งสิทธิเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและราชการ สามารถส่งผู้สมัครให้เข้าสู่การพิจารณาในระดับบอร์นโยบายพิจารณาได้ 3 คนก็ได้ หรือ 4 คนก็ได้ หรือ 5 คนก็ไม่ผิดหลักเกณฑ์ นายชวรงค์เคยเป็นกรรมการสรรหา กสม ซึ่งมีประธานศาลฎีกา เป็นประธานมาก่อน มีประสบการณ์ที่จะก่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อราชการ สร้างบรรยากาศการเปิดกว้างแห่งโอกาส เพื่อมุ่งหมายประโยชน์ที่สาธารณะพึงได้ เพื่อให้ทั้งผู้สมัครและระดับนโยบาย เข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถ มีประสิทธิภาพ และมีโอกาสได้ เลือกสรรคัดสรรอย่างเต็มกำลังเต็มประสิทธิภาพ หลักการที่ดีเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและราชการของประเทศ คุณ ชวรงค์ หลงลืมได้อย่างไร? และมีบันทึกการประชุมกรรมการธรรมาภิบาลของไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นนักกฏหมายคนสำคัญของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยทักท้วงในเรื่องนี้ไว้ต่อประเด็นปัญหาดังกล่าว
ข้อที่ 3 เมื่อข้าพเจ้าสอบถามไปอย่างเป็นทางการ จึงได้รับความกระจ่างว่ามีกรรมการสรรหา 2 ท่าน ฟังและร่วมสรรหาในครั้งนี้ด้วยอยู่ที่บ้านหรือนอกที่ประชุมสรรหา ข้าพเจ้าสอบถามไปจึงได้ทราบ อยากจะถามคุณ ชวรงค์ ในฐานะประธานสรรหา ทำไมจึงไม่บอกกล่าว แก่ผู้สมัครว่า กรรมการวันนี้มีกี่ท่าน? อยู่ที่บ้านกี่ท่านที่ผ่านระบบสื่อสารเทคโนโลยี? จึงเป็นประเด็นที่ต้องทำหนังสือสอบถามไป เพราะข้าพเจ้าเองคุ้นหน้าบางท่านบางท่านก็ไม่รู้จัก ยิ่งมิได้ชี้แจงบอกกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า อีกสองท่านใครบ้างที่เป็นกรรมการสรรหาฟังอยู่ที่บ้าน สิ่งเหล่านี้มิได้มีการบอกกล่าวให้ได้รับทราบเลยในขั้นตอนของการสรรหา
ข้าพเจ้าเองได้รับจดหมายเชิญให้ไปนำเสนอวิสัยทัศน์และรับการสัมภาษณ์ ในจดหมายเน้นย้ำว่าโดยปากเปล่าไม่ใช้สื่อนำเสนอประกอบ ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ในเข้ารับการสรรหาทั้งในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านสื่อ และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้มามากพอสมควรในฐานะพลเมืองของประเทศที่ตื่นตัวและมีสำนึกรู้พร้อมว่าประโยชน์ใดเป็นประโยชน์แห่งสาธารณะและบ้านเมือง หลังจากเข้าไปสมัครยื่นหลักฐาน มีจดหมายเชิญมาให้ไปแสดงวิสัยทัศน์และลงนามปรากฏชื่อประธานสรรหาคนดังกล่าว ซึ่งจากการให้ข้อมูลของสื่อมวลชนในช่วงนี้ นำเสนอถึงผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างประธานสรรหากับบุคคลที่ลงสมัครจากที่ได้เห็นในข่าวและแนบลิงค์มา หากผมทราบล่วงหน้าในข้อมูลดังกล่าวคงตัดสินใจได้ว่าจะไม่ไปสมัครอย่างแน่นอน
จากหลักและข้อกฏหมาย ประธานคณะกรรมการสรรหามีอำนาจกระทำการหรือไม่กระทำการ ภายใต้พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งประเทศไทย การดำเนินการใดๆต้องยึดมั่นว่า องค์กรนี้เป็นองค์การแห่งรัฐ มิใช่ของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดของกลุ่มบุคคลใด สำนึกอันรู้พร้อมในเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐานของผู้ที่มีวุฒิภาวะ การกระทำการหรือไม่กระทำการ ซึ่งมีกฏหมายรองรับเอาไว้ในหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง