วันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “มานพ พิทักษ์ภากร” ระบุว่า… มีข่าวว่า B.1.351 (South African variant) มาเยือนเมืองไทยแล้ว สายพันธุ์นี้ป้วนเปี้ยนแถวชายแดนใต้มาเป็นเดือนเนื่องจากมีการระบาดในมาเลเซีย ขออย่าให้เข้ามาระบาดถึงใจกลางเมืองหลวงแบบ B.1.617.2 (Indian variant) นะครับ เพราะวัคซีนที่ได้ผลกับสายพันธุ์นี้มีแค่ Pfizer (และอาจรวมถึง Moderna ด้วย) ที่ 75%, J&J ที่ 64-66% และ Novavax ที่ 60.1% (สำหรับ non-HIV)
ส่วน AstraZeneca เหลือแค่ 10.4% สำหรับ Sinovac ถ้าเทียบระดับ antibody ที่ขึ้นหลังฉีดแล้วคาดว่าคงแทบไม่ได้ผลเช่นกัน อาจถึงเวลาที่ภาครัฐจะต้องเปลี่ยนนโยบาย เร่งนำเข้า Pfizer, Moderna และ J&J vaccine มาให้เพียงพอและครอบคลุมประชากรครับ ถ้าปล่อยให้ B.1.351 ระบาดนี่อาจดูไม่จืดเลย
สาเหตุหลักที่ทำให้ B.1.351 ดื้อต่อวัคซีนและ antibody มาก คือการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484 บน spike protein ที่เป็น E484K คือเปลี่ยนกรดอะมิโนจาก glutamate ไปเป็น lysine มีผลทำให้ antibody จับกับ spike protein ได้ยาก นอกจากนี้การกลายพันธุ์ในตำแหน่งอื่นที่สำคัญคือ N501Y ที่เหมือนกับสายพันธุ์ UK ทำให้เชื้อจับกับตัวรับบนผิวเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น แถมยังเจอ K417N ซึ่งทำให้เชื้อจับกับเซลล์ได้ดีขึ้นด้วย
ในปัจจุบัน B.1.351 เป็นสายพันธุ์ที่ดื้อต่อวัคซีนและ antibody ที่สุด รองลงมาคือ P.1 หรือสายพันธุ์ Brazil ซึ่งมี E484K เช่นกัน ส่วนสายพันธุ์ India ที่ก่อนหน้านี้ระบาดคือ B.1.617.1 มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งเดียวกันแต่เป็น E484Q ทำให้ดื้อบ้างแต่ไม่เท่ากับ B.1.351 แต่สายพันธุ์อินเดียที่ระบาดหนักในขณะนี้ และเพิ่งพบในบ้านเราคือ B.1.617.2 ไม่พบ E484Q ซึ่งคาดว่าสายพันธุ์นี้ไม่น่าจะดื้อต่อวัคซีน