วันที่ 30 ธ.ค. เวลา 16.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP. 12 ทางเฟสบุ๊คส่วนตัว “ Suthep Thaugsuban ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยระบุตอนหนึ่งว่า ปี 2564 ที่ผ่านมาหนักหนาสาหัส คนไทยเจอกับปัญหาโรคระบาดโควิด 19 ติดต่อกันมา 2 ปี กลัวว่าวัคซีนจะไม่พอเพียง กลัวว่าเตียงตามโรงพยาบาลต่าง ๆ จะไม่พอเพียงแต่เอาเข้าจริงรัฐบาลก็สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่มีประสิทธิภาพมีขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วย เราร่วมมือกันสู้กับปัญหาโรคระบาดโควิด19 ได้อย่างเข็มแข็งมีประสิทธิภาพ แต่ในช่วงปลายปีกลับมีโควิด19 โอมิครอน มาระบาดขึ้นกลายเป็นเรื่องใหม่ เรื่องใหญ่ มีคนแสดงความคิดเห็นหลากหลาย วิตกกังวล ตนมองว่าทั้งประชาชนและรัฐบาล มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับ โควิด19 ที่ผ่านมา 2 ปีเต็ม ๆ แล้ว ร่วมมือกันดี และประชาชนเองก็ไม่ประมาท หลายคนใส่หน้ากากอนามัย ดูแลตัวเองอย่างเข้มแข็ง คิดว่าเราน่าจะสู้กับ โอมิครอนได้ ไม่น่าจะเป็นปัญหาที่น่าวิตก
นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่น่ากังวลมากคือ เรื่องเศรษฐกิจของประเทศโดยส่วนรวมและเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัว ประชาชน แต่ละราย เรื่องนี้เห็นรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ระดมสรรพกำลังทำโครงการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยการช่วยเหลือทำอย่างเป็นระบบ ช่วยเหลือลูกจ้าง เกษตรกร แม้จะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนได้มากทีเดียว ที่ยังเป็นห่วงคือ บรรดาผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว มีโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ หรืออื่น ๆ แต่ก็มาสะดุดตอนโอมิครอนระบาดในช่วงปลายปี แต่ก็เชื่อว่าทั้งภาครัฐและเอกชน จะช่วยกันระดมปัญญา หาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ดีขึ้นได้ ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม การที่ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ ได้ร่วมมือกัน ทำการเกษตรในแบบที่เรียกว่า เกษตรทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นการดำเนินการตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล เรื่องนี้เป็นเรื่องช่วยเหลือครอบครัวประชาชนได้มาก
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้ได้ติดตามข่าวเห็นรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐได้ร่วมกันทำโครงการเพื่อที่จะดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนอย่างเป็นระบบ เช่น “โครงการออมสิน สร้างงาน สร้างอาชีพ” ของธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง เป็นโครงการที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงต่าง ๆ อาทิ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอุดมศึกษามหาวิทยาลัย มีการจัดฝึกอบรมทักษะอาชีพ จัดหลักสูตร จัดหาเงินทุน สถานที่ขายของ ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจกว่า 6 หมื่นราย เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยเหลือประชาชนในยามยากได้มากทีเดียว และหากมีธนาคาร ธกส. ธนาคาร SME ทำโครงการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ช่วยเหลือประชาชนในต่างจังหวัดก็เชื่อว่าคนที่เดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้จะมีที่พึ่งและมีทางออกในชีวิตมีรายได้ดูแลครอบครัวได้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า จากการติดตาม งานของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พบว่ามีการระดมเอาปัญหา ไปช่วยประชาชนทำอย่างจริงจังมากว่า 1 ปี เช่น โครงการ อว.พารอด โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล (U2T) เอาผลงานที่มีการวิจัยค้นคว้าไปเสนอเป็นทางเลือกให้ประชาชนเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้ครอบครัว มีการจ้างงานกว่า 6 หมื่นราย
“การร่วมมือร่วมแรงร่วมใจระหว่างหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนในลักษณะนี้จะทำให้เราสามารถฝ่าฟันวิกฤตในช่วงนี้ไปได้ ที่สำคัญผมเห็นว่าประเทศไทยมีของดี มีสิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครอง มีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นหลักชัยของประเทศ เป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า เรามีโครงการพระราชดำริ โครงการพระราชทานมากมายล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเรามีพระศาสนา คนไทยยึดมั่นในธรรมะ เป็นประชาชนพลเมืองผู้มีคุณธรรม มีศีลธรรม การที่มีธรรมะประจำใจ ทำให้มีความมั่นใจ ที่จะเผชิญกับ ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความที่คนไทย เป็นคนดี เป็นพลเมืองที่ดี มีความรัก มีความสามัคคี มีความเอื้อเฟื้อมีความเข้าใจต่อกัน มันเป็นต้นทุนที่เป็นพลังสำหรับต่อสู้กับปัญหาวิกฤตของประเทศอย่างยิ่ง” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ ยังกล่าวอีกว่า จากการได้ติดตามข่าวเห็นข่าวในสื่อออนไลน์ ว่า ดช.ภูมิปัญญา(น้องภูมิ) จงปัญญาวิวัฒน์ อายุ12 ปี บ้านอยู่แถว เขตสายไหม กทม. นักเรียนโรงเรียน แย้มจาดวิชชานุสรณ์ กทม.เดินทางไปเยี่ยมญาติ อ.เวียงสระ จ.สุราษฏร์ธานี แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พบสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทพร้อมพระ1องค์ เอามาให้พ่อพร้อมบอกว่า นี่ไม่ใช่ของ ๆ เราเอาไปคืนเจ้าของ ถ้าเราเอาไป เจ้าของจะเดือดร้อน จึงนำไปให้ตำรวจ สภ.ท่าฉาง สุราษฏร์ฯ ตามหาเจ้าของ เมื่อเห็นข่าวนี้แล้วตนภาคภูมิใจมาก เพราะนี่คือเนื้อแท้ของจริงจิตวิญญาณของความเป็นไทยผู้มีศีล มีธรรม ประจำใจ น้องภูมิ เป็นเยาวชนคนไทยรุ่นใหม่ และคุณพ่อ(นายวรพงษ์) สมควรได้รับการยกย่อง ที่อบรมสอนลูกมาดีให้เป็นคนดี ตนเชื่อว่า ด้วยการที่พวกเราคนไทยยึดมั่น ในหลักธรรม คนไทยไม่หวั่นไหว ต่ออุปสรรคและปัญหา ด้วยความที่พวกเรา มีความรักต่อกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเราฟันฝ่าวิกฤต ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี2564 หรือแม้จะเกิดขึ้นอีกในปี 2565 โดยไม่หวั่นไหว และมั่นใจว่าประเทศไทยชนะ และถือโอกาสนี้ส่งแรงใจให้พี่น้องคนไทยต่อสู้ไปด้วยกันและเอาชนะมันให้ได้