ท่าอากาศยานเบตง กลายเป็นประเด็นดราม่าในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ ถือแถน ประสพโชค ซึ่งมักโพสต์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ว่า ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง สร้างเสร็จมา 2 ปีกว่าแล้ว แต่ตอนนี้ยังเปิดใช้งานไม่ได้ เพราะรันเวย์สั้นพียง 900 เมตร เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ลงจอดไม่ได้ อีกทั้งเวลาเครื่องบินจะลงจอด ต้องไปตั้งลำในน่านฟ้ามาเลซีย แต่ตอนนี้มาเลเซียยังไม่อนุญาต ปัญหาอีกอย่างคือ มีสนามบินแต่ไม่มีคลังน้ำมันสำหรับเติมเครื่องบิน คลังน้ำมันเครื่องบินที่ใกล้สุดคือหาดใหญ่ ตอนนี้สนามบินเบตงจึงเป็นได้แค่จุดเช็คอินถ่ายรูปว่ามาถึงเบตงแล้ว เบตงมีสนามบินนานาชาติแล้ว ไม่รู้จะถูกปล่อยให้เป็นอนุสาวรีย์สาธารณูปโภคอีกแห่งของรัฐบาลคิดน้อยแบบรัฐบาลประยุทธ์หรือเปล่า ก่อนที่ต่อมาผู้ใช้เฟสบุ๊ก ถือแถน จะทำการแก้ไขข้อมูลความยาวรันเวย์ โดยอ้างว่าข้อเท็จจริงที่ได้มายังไม่แน่ชัดอาจคลาดเคลื่อน
โพสต์ดังกล่าว มีผู้ใช้เฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ ที่ไม่รู้ข้อมูลข้อเท็จจริง ได้เข้ามาแสดงความเห็นตำหนิรัฐบาลพลเอกประยุทธ์และแชร์ออกออกไปจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัว รีทวิตโพสต์ดังกล่าว พร้อมให้ความเห็นว่า สักแต่ทำลวก โดยไม่พิจารณาให้รอบครอบ “รัฐบาลประยุทธ”นี่แย่จัง!!
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลานั้น ท่าอากาศยานเบตง ถูกก่อสร้างขึ้นตามโครงการ 3 เหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในปี 2560 สมัยรัฐบาลคสช. ความยาวทางวิ่ง หรือ รันเวย์ ยาว 1,800 เมตร ไม่ใช่ 900 เมตร อีกทั้งยังเตรียมขยายเป็น 2,500 เมตร เพื่อให้สามารถรองรับอากาศยานขนาด 180 ที่นั่งได้ เพราะขณะนี้รองรับได้เพียงอากาศยานขนาด 80 ที่นั่ง นอกจากนี้จะขยายพื้นที่ปลอดภัยปลายทางรันเวย์ทั้งทิศตะวันออก และตะวันตก ขยายแท็กซี่เวย์ และขยายลานจอดเครื่องบิน เพื่อให้สามารถจอดเครื่องบินขนาด 180 ที่นั่งได้ 3 ลำ ทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 จากนั้นจะเสนอกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานเบตง แม้จะยังไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์มาให้บริการ แต่ก็มีอากาศยานของหน่วยงานภาครัฐ และเครื่องบินส่วนบุคคล มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนเที่ยวบินพาณิชย์ รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ โดยหากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวถึงการเปิดท่าอากาศยานเบตงเต็มรูปแบบว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดให้ดำเนินการเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงคมนาคม และ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พร้อมเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตงอยู่แล้ว หากการดำเนินการใน 2 เรื่องนี้ คือ 1.การออกใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ เพื่อเปิดบริการเที่ยวบินพาณิชย์ได้ และการออกประกาศเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ซึ่งในส่วนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะออกใบรับรองการดำเนินงานฯ ให้กับท่าอากาศยานเบตง ได้ในเร็วๆนี้ 2. การเปิดให้บริการ ได้มอบให้กรมท่าอากาศยานเร่งเจรจากับ ศอ.บต. เพื่อขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ หรือ PSO ในส่วนของสายการบินที่จะมาเปิดทำการบิน กรมท่าอากาศยานมีมาตรการให้การสนับสนุนสายการบินตามมติคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมค่าขึ้นลงอากาศยาน 50% และยกเว้นค่าธรรมเนียมจอดอากาศยาน ส่วนเรื่องเงื่อนไขการรับประกันที่นั่งผู้โดยสาร 75% ตามที่ผู้ประกอบการสายการบินเสนอมานั้น ได้เร่งรัดการเจรจาให้จบโดยเร็ว เพราะต้องการให้เปิดแล้วก็ให้บริการยาวต่อเนื่องเลย
ขณะที่นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมข่าวท็อปนิวส์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ทุกคนรู้อยู่ว่าข้อจำกัดของการสร้างสนามบินเบตงคือ มีภูเขาล้อมรอบ ฝ่ายความปลอดภัย ฝ่ายวิศวการบิน ฝ่ายคณะกรรมการบินกระทรวงคมนาคมทั้งหมดรู้อยู่แล้ว จึงสร้างสนามบินที่มีความยาวรันเวย์ 1,800 เมตร เหมือนกับการสร้างที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าต้องใช้เครื่องบินที่มีที่นั่งประมาณ 80 ที่นั่งในการบิน ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าไม่มีคลังน้ำมันที่สนามบินนั้น ก็สามารถสร้างได้ แต่จะต้องลงทุนสูง ซึ่งคงไม่มีใครไปลงทุน เพราะสามารถเอาน้ำมันใส่รถไปเติมได้ เนื่องจากน้ำมันที่จะขนมาจากในเมืองไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งรู้อยู่แล้วว่าเครื่องบินวันหนึ่งขึ้นเที่ยวลงวันละเที่ยวสองเที่ยว เขาสามารถบริหารจัดการได้ ความถูกต้องและความคุ้มทุนต้องพูดให้หมดทุกประเด็น ซึ่งคนพูดมีความรู้ในเรื่องนี้หรือไม่ ส่วนการเลื่อนเปิดเป็นเรื่องของการลงทุนของบริษัทสายการบิน เพราะในเชิงพาณิชย์ต้องดูว่าคุ้มทุนหรือไม่ ถ้าสำรวจแล้วว่ายังมีการล็อกดาวน์ คนไปเที่ยวไม่เพียงพอไม่คุ้มทุนทางธุรกิจ ก็คงไม่มีใครกล้าบิน เพราะบริษัทศึกษามาหมดแล้ว
