วันนี้ ( 5 ม.ค.65) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ นับ10 นาย เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ภายในตึกศัลยกรรมกระดูกภายใน โรงพยาบาลชัยภูมิ จากการสอบถาม ร.ต.หญิงธนิสร กวินศักดิ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ขณะกำลังนอนเฝ้าญาติที่ตึกศัลยกรรมกระดูก ได้ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป สีดำ ทิ้งไว้ที่ข้างเตียงคนไข้ จู่ๆ มีคนร้ายผิวดำแดง สวมกางเกงยีนส์ขายาว ใส่เสื้อแขนสั้นสีนำเงิน เดินเข้ามาในตึกแล้วตรงเข้ามาถอดสายชาร์จก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือแล้ววิ่งหลบหนีออกจากห้องผู้ป่วย ตนจึงวิ่งตาม เห็นว่าคนร้ายวิ่งหนีขึ้นรถจักรยานยนต์ไม่ทราบป้ายทะเบียน ก่อนขี่หลบหนีไปทางประตูด้านหน้าของโรงพยาบาล ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งศูนย์วิทยุ 191 เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร่งด่วน
หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งภายในและภายนอกอาคารศัลยกรรมกระดูก พบคนร้ายกำลังเดินหลบหนีออกจากห้องผู้ป่วย ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อฮอนด้า คลิก สีดำแถบส้ม หมายเลขทะเบียน 1กท 8120 ชัยภูมิ หลบหนีออกจากโรงพยาบาล จึงสอบถามเจ้าหน้าที่พยาบาลรายหนึ่งซึ่งให้ข้อมูลว่า รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เป็นของ นายนพรัตน์ อาจนาฝาย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 5 ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นลูกชายของแม่บ้านทำความสะอาดของโรงพยาบาลชัยภูมิ ซึ่งเช่าบ้านพักเลขที่ 52/78 ถนนโนนไฮ-เมืองเก่า ซอยโนนไฮ 5 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ อยู่ด้านหลังโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักหลังดังกล่าว ซึ่งพบว่า นายนพรัตน์ หลบอยู่ในบ้านพักจึงเข้าควบคุมตัวพร้อมโทรศัพท์ของกลาง ยาบ้า 1 เม็ดพร้อมอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง จึงนำตัว นายนพรัตน์ ไปสอบสวนที่ สภ.เมืองชัยภูมิ สุดท้าย นายนพรัตน์ จำนนด้วยหลักฐาน จึงรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ในโรงพยาบาลชัยภูมิจริง ส่วนสาเหตุที่ต้องขโมยเพราะติดพนันออนไลน์ จึงอยากนำเงินไปเล่นพนัน โดยวันเกิดเหตุได้ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลเพื่อเดินดูลาดเลาว่ามีญาติผู้ป่วยหรือมีคนไข้รายใดชาร์จโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงคนไข้ หากสังเกตเห็นก็จะเข้าไปขโมยในช่วงเช้ามืด ก่อนนำเอาโทรศัพท์ไปขายเพื่อนำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ และนำไปซื้อยาบ้ามาเสพกับเพื่อน ที่สำคัญ คือ เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง โดยหลังสอบสวนแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย