วันที่ 6 ม.ค.2565 นายเชาว์ มีขวด ทนายความ และอดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า บชน.ต้องตอบคำถาม ทำไมออกใบอนุญาตให้ “มนตรี” เป็นรปภ. จากกรณีนายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้า รปภ.ข่มขืนลูกบ้านคอนโดมิเนียม ที่กำลังเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ หลายคนพูดถึงเรื่องข้อกฎหมายไปแล้วว่า ตำรวจมีอำนาจที่จะเข้าสถานที่เกิดเหตุได้ รปภ.ที่ขัดขวางจนทำให้เกิดความล่าช้า กระทั่งผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้ มีความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน รวมถึงระเบียบของนิติบุคคลไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ แต่เรื่องที่ยังไม่มีการพูดถึงกันมากนักคือ การออกใบอนุญาตให้นายมนตรี เป็น รปภ. ทั้ง ๆ ที่เคยติดคุกคดีข่มขืน ออกมาได้อย่างไร
นายเชาว์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีคนต้องรับผิดชอบอย่างน้อย 2 หน่วยงานคือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งตามกฎหมายธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 มาตรา 4 กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นนายทะเบียนกลาง มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยยังเป็นผู้ออกใบอนุญาตพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย ซึ่งกรณีของนายมนตรี ได้รับใบอนุญาตวันที่ 28 พ.ย.2562 สิ้นอายุวันที่ 28 พ.ย.65 มี พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ลงนามในฐานะนายทะเบียน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดไม่มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายมนตรี เพราะหากทางนครบาลมีการตรวจสอบเรื่องนี้ นายมนตรีจะไม่มีทางได้รับใบอนุญาตเป็น รปภ.โดยเด็ดขาด เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 34 ข.(3) ที่บัญญัติว่า ผู้ที่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก สำหรับความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หรือความผิดเกี่ยวกับเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญาฯ จะเป็น รปภ.ไม่ได้
ทนายเชาว์กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าทางนครบาลต้องมีคำชี้แจงในเรี่องนี้ เพราะหากไม่เกิดข้อบกพร่องในการตรวจสอบประวัติ จนปล่อยคนโฉดเข้าสู่แวดวงรักษาความปลอดภัย เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เคยเกิดขึ้น และเราไม่รู้เลยว่าจะมีคนที่มีประวัติอาชญากรรม หลุดเข้าไปเป็นรปภ.อีกหรือไม่ ใช้โอกาสนี้สังคายนา ตรวจสอบ รปภ.ทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ใครมีประวัติอาชญากรรม ต้องเพิกถอนใบอนุญาตทันที อย่าให้เรื่องหายไปกับสายลม โดยไม่มีการถอดบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ ขณะเดียวกัน บริษัทรปภ.ที่นายมนตรีสังกัด ก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะมีความบกพร่องไม่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม จนทำให้คนของตนเองก่อเหตุร้าย ต้องรับผิดทางแพ่ง ในการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้