วันที่ 7 มกราคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ระบุว่า ลงพื้นที่ หาเตียงให้ชาวบ้านที่ติดโควิดวุ่นทั้งวัน เลยไม่เห็นข่าว ที่นายกฯสั่งให้รองวิษณุ ตรวจสอบนโยบาย #บำนาญประชาชนเดือนละ3000 บ. ของพรรคไทยสร้างไทย ว่าผิดกฎหมายไหม ทำได้จริงไหม พร้อมยืนยันว่าทำได้จริง ถ้าไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล และคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำได้แน่นอน และทันที โดยบอกให้นายกประยุทธ์ ลาออกแล้วจะทำให้ดู โดยนายเสกสกล ระบุว่า ในที่สุดคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ได้แสดงธาตุแท้ออกมาจนได้ว่าอยากเป็นรัฐบาล อยากเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองรองจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ซะจนเต็มประดา จนลืมไปว่าจุดจบของอดีตนายกฯหญิงคนแรกเป็นอย่างไร
นายเสกสกล กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ คงลืมไปว่าตัวเองเคยร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดี จนระหกระเหิรในต่างประเทศนานนับปี ร้องขออยากกลับแผ่นดินเกิดในประเทศไทยใจจะขาดมาแล้ว และคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นผู้ร่วมคนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนคนไทยและประเทศไทยล่มจมมาแล้ว มาครั้งนี้มาแก้ตัวใหม่ สร้างพรรคใหม่ของตัวเองหลังจากไม่ลงรอยกับนายเก่า แต่ก็ยังยึดนโยบายประชานิยมของนายเก่ามาเรียกคะแนนสงสารจากประชาชนอยู่ดี
ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ คิดว่าการให้เงินบำนาญผู้สูงอายุดีจริง ทำไมในช่วงที่เป็นรัฐบาลจึงไม่คิดทำ ถ้าคิดว่าทำได้จริง มันไม่มีปัญหาหรือไม่เป็นภาระต่องบประมาณประเทศ อย่าสักแต่ว่าได้พูดๆไปโดยไม่คิดถึงผลเสียที่มันจะตามมา การให้เงินมากๆกับประชาชนหรือผู้สูงอายุอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์โฆษณาหาเสียง ใครๆก็ต้องการทั้งนั้น แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมืองมานาน เป็นอดีตรัฐมนตรีมาแล้ว ก็น่าจะรู้ดีว่ามันจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือไม่ หรือคุณหญิงจะใช้วิธีกู้เงินมาอีก มาสร้างภาระให้ประชาชนที่เกิดมาก็ต้องเป็นหนี้เหมือนในสมัยรัฐบาลทักษิณ ที่กู้เงินมาทำนโยบายประชานิยม จนทำให้รัฐบาลที่รับช่วงมาต้องมาตามล้างตามเช็ดให้
นายเสกสกล กล่าวว่า ปัจจุบันผู้สูงอายุ ได้รับเงินเบี้ยคนชราตามเกณฑ์อัตราอายุ คือ 60 ปี 600 อายุ 70 ปี 700 อายุ 80 ปี 800 และอายุ 90 ปี ได้รับ 1,000 ตลอดไป และในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด รัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการจ่ายเงินเพื่อเป็นการเยียวยาประชาชน ไม่ใช่เพียงแค่ผู้อายุเท่านั้น เพราะนายกฯเห็นถึงความยากลำบากและความเดือดร้อนของประชาชน เป็นการพูดจริง ทำจริง ช่วยจริงและประชาชนก็ชื่นชอบ คุณหญิงสุดารัตน์ อย่ามาใช้วิธีพูดหาเสียงไปก่อนเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ ทำได้หรือไม่ค่อยมาดูกันอีกที อย่างนี้ไม่ได้ หยุดหลอกลวงประชาชนได้แล้ว เป็นถึงอดีตรัฐมนตรี ต้องมีความรับผิดชอบต่อคำพูดด้วย งบประมาณจะเอามาจากตรงไหน วิธีไหน บอกประชาชนไปด้วย อย่ามาตีกินเพื่อแค่ผ่านการเสียงของพรรคตัวเองไปเท่านั้นมันไม่ได้ ประชาชนเขารู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว เลิกใช้วิธีเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นได้แล้ว ไม่เช่นนั้นมันจะเข้าตัวจนหมดอนาคตทางการเมืองครั้งสุดท้ายของคุณหญิงจนสิ้นอนาคตทางการเมืองได้
” ตนยืนยันว่า สิ่งที่นายกฯห่วงใยในเรื่องการการหาเสียงพรรคการเมืองทุกพรรค ต้องเอานโยบายนำไปปฎิบัติหรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริงต่อประชาชนได้และสามารถทำได้จริง ไม่ใช่นโยบายขายฝัน ที่เที่ยวไปหลอกต้มตุ๋นพี่น้องประชาชนให้หลงเชื่อ เพียงเพื่อหวังคะแนนเสียงโดยไม่ดูตาม้าตาเรือว่าสามารถทำได้หรือไม่ ดังตัวอย่างเช่น คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยพาผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยหาเสียงในกทม. ประกาศจะให้บริการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่สุดท้าย ประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาลเป็นนายกฯแล้วก็ทำไม่ได้ การหาเสียงแบบนี้ผิดกฎหมาย ต้มตุ๋นประชาชนหรือไม่ คณะกรรมการกกต. ควรจะมีบทลงโทษพรรคการเมืองเช่นนี้อย่างเด็ดขาดถึงขั้นยุบพรรคไปเลยหรือไม่ “