เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา สั่งงดประชุมสภาฯ 2 สัปดาห์ ไม่ใช่เพราะการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่เพราะกลัวเเพ้เลือกตั้งซ่อมว่า ตนขอเล่าเพื่อเปิดหูเปิดตานายรังสิมันต์ให้กระจ่างว่า นายชวนพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะทราบว่าจะมีคนประเภทแบบนายรังสิมันต์อยู่ ที่มองทุกอย่างเป็นเรื่องลบ มองว่าการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาประเทศและบรรเทาปัญหาโควิดไม่ใช่เรื่องสำคัญ กล่าวคือหลังจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้รับหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานราชการทำงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) ให้ได้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงการรวมตัวคน รวมถึงการประชุม โดยที่ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ โดยนายชวนเห็นว่า สภาฯยังมีกฎหมายค้างอยู่ จึงโทรศัพท์กลับไปถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯว่า ถ้างดประชุม จะเกิดความเสียหายอะไรต่อกฎหมายของรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่ายังอยู่ในห้วงเวลาที่ไม่เสียหาย เมื่อเทียบกับความเสี่ยง อีกทั้งได้โทรไปหาอธิบดีกรมควบคุมโรคด้วยตนเอง เพื่อสอบถามความเห็นในฐานะหน่วยงานทางสาธารณสุข ได้รับคำตอบว่า ขอความกรุณาให้งดประชุม นอกจากนี้นายชวนยังได้ให้วิปทั้งสองฝ่ายหารือจนได้ข้อตกลงร่วมกันว่าให้งดประชุมดังกล่าว อีกทั้ง ยังให้ตนต่อสายไปหา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และนายสุทิน คลังแสง ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ด้วย ซึ่งทั้งสองท่านก็รายงานว่า ไม่ติดขัดอะไร แม้จะมีคนไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยินดีให้ความร่วมมือกับส่วนรวม จึงเป็นที่มาของคำสั่งงดประชุม
นายอิสระ กล่าวอีกว่า การที่นายรังสิมันต์ กล่าวหาว่านายชวน สั่งงดประชุมสภาฯ เพราะกลัวเเพ้เลือกตั้งซ่อมนั้น ก็เป็นการกล่าวเลื่อนลอยตามปกติวิสัยของนายรังสิมันต์ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเป็นคนถามนายชวนเองว่า มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล จากหลายพรรค ฝากให้ตนมาขอนายชวน ให้สั่งงดประชุม เพราะต้องไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ซึ่งพอตนไปหารือท่านก็ปฏิเสธโดยที่ตนยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ โดยบอกหากจะงดประชุมเพราะจะลงไปหาเสียงเลือกตั้งซ่อม เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องมาคุยเลย ถ้าจะมาของดประชุมด้วยเหตุผลนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา นายชวนเป็นฝ่ายนัดประชุมพิเศษเพิ่มจากเดิม เพื่อเคลียร์งานค้างของสภาฯ ด้วยเห็นความสำคัญของภารกิจด้านนิติบัญญัติ ที่จริงตนไม่อยากออกมาตอบโต้ให้ค่าวาทกรรมประเภทนี้ แต่จำเป็นต้องชี้แจง และแนะนำว่า ก่อนจะออกมาฟาดงวงฟาดงา นายรังสิมันต์ ควรไปถามแต่ละฝ่ายก่อนว่า เหตุผลการงดประชุมที่เเท้จริงคืออะไร เพราะการเอาเรื่องไม่จริง มาเล่นการเมืองโดยใช้วาทกรรมโจมตีอีกฝ่าย เพื่อหวังให้เกิดการตอบโต้กันไปมา จะได้เป็นข่าว มันขาดวุฒิภาวะ เหมือนเด็กเอาเเต่ใจ ไม่ใช่ผู้เเทนประชาชน ไม่ใช่วิถีการเมืองแบบใหม่ ที่นายรังสิมันต์เรียกร้องมาตลอด