“นายกตู่” ย้ำวัคซีนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอัตราการเสียชีวิต!

"นายกตู่" ย้ำวัคซีนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอัตราการเสียชีวิต!

วันนี้ 11 มกราคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการ เตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการยกระดับระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับการระบาดระลอกใหม่ เช่น ระบบ Home Isolation / Community Isolation โรงพยาบาลสนาม และยาฟาวิพิราเวียร์ เวชภัณฑ์ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ รายงานขีดความสามารถระบบการกักกันตัวที่บ้าน (HI) และการกักตัวในที่ชุมชน (CI) ทั่วประเทศ สามารถรองรับได้ประมาณ 187,000 คน (HI = 43,000 คน /CI = 144,000 คน) ซึ่งกรมการแพทย์ได้พัฒนาระบบ HI และ CI ให้ครอบคลุมทั้งมิติการควบคุมโรคและการป้องกันโรคด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบลงไปในรายพื้นที่ย่อยที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมระบบ รพ.สนาม HI/CI ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ที่อาจจะน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกันก็สำรวจประชากรเด็กเล็ก ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเปราะบางใหม่ โดยเด็กเล็กและผู้ปกครองต้องยินยอมและสมัครใจในการเข้ารับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนยังเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอัตราการเสียชีวิต ป้องกันการป่วยหนัก และลดอัตราการรับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานานๆ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และลดการติดเชื้อ สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก และที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจยังคงมีแนวโน้มลดลง

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงเช้าของวันที่ 11 ม.ค. 65 รวม 7,133 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 6,632 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 45 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 45 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อเข้าข่าย /ATK 1,545 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 411 ราย ผู้ป่วยสะสม 61 ,1 74 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 3,306 ราย หายป่วยสะสม 32,291 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 61,974 ราย เสียชีวิต 12 ราย สำหรับการให้บริการวัคซีน COVID-19 วันที่ 10 มกราคม 2565 เวลา 20:49 น. ประเทศไทยฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 107,400,315 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ฉีดสะสม 51,541,362 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 46,987,287 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 8,430,651 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 441,015 โดส

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนจากสถานการณ์การระบาดโควิดสายพันธุ์ โอมิครอน ที่มีอัตราการแพร่เชื้อกระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย โดยฝากให้ประชาชนเฝ้าสังเกตตนเอง ว่ามีอาการใดที่บ่งบอกหรือน่าสงสัยในการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่สงสัยติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่กลุ่มเสี่ยง ให้รีบพบแพทย์และแจ้งข้อมูล ประวัติการเดินทางด้วยข้อเท็จจริง เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป ยิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นติดเชื้อได้เร็ว ทำให้สามารถหยุดการแพร่กระจายเชื้อได้ดี ช่วยลดการเกิดผู้ติดเชื้อในวงกว้าง เชื่อว่า หากเราร่วมมือกันดูแลตนเองจะสามารถก้าวข้ามสถานการณ์นี้ได้อย่างดีและปลอดภัยทุกคน”

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปานเทพ" ยันคดีเงิน 39 ล้าน "เจ๊อ้อย" ไม่ใช่สแกมเมอร์ต่างชาติ
สื่อนอกแห่แชร์ภาพคู่ “หมูเด้ง – ทรัมป์” หลังทำนายแม่น
รวบ "การ์ดหัวร้อน" ชกหน้า "รปภ." คาสนามบิน หลังเตือนให้เคลื่อนรถเพราะจอดเกินเวลา
หวิดดับหมู่ รถทัวร์ไฟพรึ่บ กลุ่มควันขาวโพลนทั่วห้องเครื่อง ผู้โดยสารหนีตายระทึก
ทั่วไทยเจอฝนฟ้าคะนอง 28 จว. ภาคใต้ฝนถล่มหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
วิกแทบแตกผู้ปกครองชาวบ้านนับพันคน แห่ชมลูกหลานชกมวยไทยจากที่เล่าเรียนมา ก่อนชมคู่เอก นายกฯอบต. ชก กับ ตลกดังจ๊อดเชิญยิ้ม
ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ประดับเข็มเครื่องหมายผู้บังคับการเรือ ตำแหน่งที่สำคัญที่สุด เพราะเรือ คือหัวใจของกองทัพเรือ
ชาวบ้าน สุดทน หลังจากยอมทนดมกลิ่นขี้หมู มานานนับ 10 ปี
ทัวร์ลงหนักจนต้องถอย “จิรัฏฐ์” ยอมขอโทษ ปมพูดโจมตีฝ่ายตรงข้ามว่า "ตุ๊ด" อ้างเป็นคำพูดติดปา
กทม.หมดเวลายื้อ"ศาลปกครองสูงสุด"ยกคำร้องขอรื้อคดีหนี้ BTS "ชัชชาติ" ยื่นสภาฯ 12 พ.ย. ขออนุมัติงบฯ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น