“สัณหพจน์” ชี้ ราคาหมู-ไก่แพงขึ้น 2 กระทรวงพรรคเก่าแก่ไร้ฝีมือ!

"สัณหพจน์" ชี้ ราคาหมู-ไก่แพงขึ้น 2 กระทรวงพรรคเก่าแก่ไร้ฝีมือ!

วันที่ 11 ม.ค. 65 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ราคาเนื้อหมูแพงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการเกิดโรคระบาดในสุกร ที่ถูกปล่อยปละละเลยไม่ได้รับการแก้ไขมากกว่า 2 ปี จนกระทบทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยต้องขาดทุนเลิกเลี้ยงเหลือเพียงผู้เลี้ยงรายใหญ่ไม่กี่ราย

สำหรับผลกระทบดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนต้องเป็นผู้แบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ด้านกระทรวงที่รับผิดชอบโดยตรงกลับเสนอวิธีแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งโครงการเนื้อหมูราคาถูก และไล่ตรวจฟาร์มสุกร ทั้งที่อาจทราบข้อมูลการระบาดของโรคมากกว่า 2 ปีแล้ว

ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ได้ใช้กลไกการบริหารผ่านกระทรวงการคลัง โดยใช้นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” ทั้ง 3 ระยะ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศเกินกว่า 2.23 แสนล้านบาท โดยรัฐได้ช่วยเหลือประชาชนลดค่าครองชีพผ่านการใช้จ่ายในโครงการถึงกว่า 1.09 แสนล้านบาท

ด้านกระทรวงแรงงานได้ช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ผ่านสำนักงานประกันสังคม เป็นเงินเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และม.40 ใน 29 จังหวัด กว่า 12 ล้านคน เป็นเงินกว่า 8.87 หมื่นล้านบาท นายจ้างและผู้ประกอบการกว่า 165,000 ราย เป็นเงินกว่า 1.27 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกกว่า 1 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ ที่ช่วยเหลือแบ่งเบาลดภาระของผู้ปกครองนักเรียนกว่า 11 ล้านคน เป็นงบประมาณกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท

“ผมทราบว่ามีกลุ่มการเมืองเก่าแก่กลุ่มหนึ่ง และผู้ต้องหาคดีอาญา ออกมากล่าวอ้างถึงพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลว่าไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ และไม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ต้องชี้แจงว่าที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ ได้ประนีประนอม ให้โอกาส และความเชื่อมั่นในการบริหารกระทรวงที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจประเทศ กับกลุ่มพรรคการเมืองนี้

แต่กลับพบความล้มเหลวทางการบริหาร ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย ใช้กลไกที่เอื้อต่อนายทุนรายใหญ่ เช่น กรณีหมูแพง ซึ่งเกษตรกรรายย่อยไม่ได้รับประโยชน์ เพราะขาดทุนจากโรคระบาดและค่าอาหารสัตว์จนต้องเลิกเลี้ยง ที่ผ่านมาแม้จะมีการกล่าวอ้างว่าสินค้าเกษตรอย่าง ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด มีราคาสูงขึ้น แต่ความเป็นจริงเกษตรกรรายย่อยไม่ได้รับประโยชน์ เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าปุ๋ยที่แพงขึ้น ทำให้ทุกวันนี้มีเฉพาะรายใหญ่เท่านั้นที่ได้ประโยชน์

ล่าสุด สมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไก่ไทย แจ้งปรับขึ้นราคาไข่ไก่ อีกฟองละ 20 ส.ต. หรือ 6 บาทต่อแผง เช่นเดียวกับราคาอาหารสัตว์ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 6-9 บาทต่อกก. จะเห็นได้ว่าผู้บริหาร 2 กระทรวงหลักที่มีหน้าที่ดูแลสินค้าเกษตรไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน และส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรที่มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนที่ต้องแบกรับค่าครองชีพสูงขึ้นด้วย”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดการฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึกเพื่อเตรียมรับพลทหารกองประจำการ ผลัด 3/67
"สภาฯ" รับญัตติด่วนแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่ หวังประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อซ้ำรอย "ดิไอคอน"
“ทนายบอสพอล” ลุยเดินหน้าเอาผิด “นักร้อง-พยานเท็จ-ทนาย-แม่ข่าย” ที่โจมตีดิไอคอน กรุ๊ป
ผู้นำเกาหลีใต้ลั่นไม่อยู่เฉยถ้าเกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซีย
“กฤษอนงค์” แจงปมเรียกรับเงิน 2 ทาง ยืนยันเป็นเพียงแผนงาน ยืดอกขอรับผิดคนเดียว อย่ายุ่งครอบครัว
"ภูมิธรรม" รับ "บอสพอล" เคยอบรมกำลังพลจริง ยันไม่เกี่ยวข้อง "ดิ ไอคอน"
"นิพนธ์" ซัด ยุติธรรมไทยล้มเหลว ปล่อย "คดีตากใบ" ขาดอายุความ ชี้ไม่สร้างความเชื่อมั่น อย่าหวังแก้ไฟใต้
DSI เร่งตรวจสอบนาฬิกาหรู "บอสพอล" ชี้หากเป็นของปลอม ก็ถือเป็นทรัพย์สินมีค่า
จีนเปิดบริการ ‘โดรน’ ส่งของภายใน 10 นาทีที่เซินเจิ้น
สภารัสเซียมีมติรับรองข้อตกลงปกป้องเกาหลีเหนือ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น