วันที่ 12 ม.ค. ที่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดโรคระบาดในสุกร เนื่องจากสงสัยว่ามีบริษัทขนาดใหญ่ได้ประโยชน์จากการปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF บ้าง เพราะดูข้อมูลจากการส่งออกของบริษัทขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี 61-64 จะพบว่าอัตราการส่งออกก้าวกระโดดอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงปี62-63 ที่เริ่มค้นพบการแพร่ระบาดในสุกร ที่จ.เชียงราย ทำให้ไทยสามารถจำหน่ายสุกรทั้งมีชีวิตและชำแหละจนได้ประโยชน์มหาศาล ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ กรณีเป็นหน่วยงานรัฐปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอหิวาต์หมู ทำให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเลิกกิจการไปเป็นจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้หมูแพงกว่าเท่าตัว
“ การปกปิดข้อมูลดังกล่าว ทำให้บริษัทขนาดใหญ่บางบริษัทได้ประโยชน์จากการที่หน่วยงานรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะพรบ.โรคระบาดสัตว์ 2558 จึงจำเป็นต้องร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อเสนอหน่วยงานรัฐตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ตาม รธน.2560 ม.230(2) ประกอบ ม.51 และ ม.59” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า วันศุกร์นี้ จะไปขอพบกับอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพื่อสอบถามถึงรายชื่อโรงงานที่มีการระบาด เพราะที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ออกมาแถลงก็ไม่ได้ระบุว่าโรงฆ่าสัตว์อยู่จุดไหน เพราะตามพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ปี 58 เมื่อรู้ว่ามีแหล่งระบาดต้องกันพื้นที่ 5 กิโลเมตร ขณะที่ต้องฆ่าสุกรอย่างถูกหลักวิชาการ ในฐานะประชาชนจะปล่อยให้หน่วยงานรัฐทำงานอย่างที่ผ่านมา เพราะโรคระบาดมีมาหลายปีแต่กลับมีการปกปิดกัน จึงทำให้เราไม่เชื่อในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานราชการ นอกจากนี้ยังเกี่ยวพันไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร หรือรัฐมนตรีช่วยที่กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ต้องมาแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่มาอ้างว่าเป็นโรคระบาดชนิดอื่น
โดยตัวแทนจากผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จะรับเรื่องไปดำเนินการตรวจสอบหาความชัดเจนทันที เพราะกรณีดังกล่าวทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหนัก
