วันที่ 13 ม.ค.65.-นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวถึงราคาสินค้าแพงในขณะนี้ว่าส่วนหนึ่งรัฐบาลได้พยายามที่จะบริหารจัดการดูแลอยู่แล้ว ซึ่งหากสินค้าตัวไหนที่สามารถตรึงราคาได้ รัฐบาลก็พยายามจะดำเนินการตึงราคาสินค้า แต่บางส่วนก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาดเสรี ก็ต้องปล่อย แต่จำเป็นเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น ในกรณีที่สินค้าเกิดความขาดแคลนหรือมีความต้องการมากขึ้น ส่วนหนึ่งอย่ามองเพียงเฉพาะเจาะจงแค่ราคาสินค้าเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูวิธีบริหารจัดการอัตราเงินเฟ้อด้วยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยจากการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย การควบคุมอัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในเป้าหมาย จึงเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศไทย จะอยู่ในกรอบ ร้อยละ 1-3 แต่หากเงินเฟ้อขยับใกล้เคียง ร้อยละ 3 ก็จะมีการประเมิน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะตนเองที่ได้ให้ความสำคัญ และประชุมกับกระทรวงการคลังอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ละเลย และย้ำว่าการตึงราคาสินค้าบางส่วนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ประชาชนอย่าได้ตระหนกมากจนเกินไป ยืนยันรัฐบาลได้เตรียมรับมือไว้แล้ว ส่วนสาเหตุของการเกิดอัตราเงินเฟ้อที่ราคาสนค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสูงขึ้น ขณะที่ในช่วงโควิดที่ผ่านมาการผลิตมีการชะลอตัว เป็นผลมาจากการชะลอการลงทุน จากภาวะล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าที่จะขยายกำลังการผลิต และการผลิตสินค้าบางส่วนยังคงชะงักงั้น เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมองว่าเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว และเชื่อว่ากำลังการผลิตจะมากขึ้น หากควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี
สำหรับมาตรการคนละครึ่ง จะออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งเมื่อใด นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็จะเร่งหารือกับกับกระทรวงการคลัง ซึ่งมีกำหนดการไว้อยู่แล้ว โดยต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจในไทย และในโลกด้วยว่ามีผลกระทบอย่างไร ส่วนจะเร่งมาตรการนี้ให้เร็วขึ้นก่อนเดือมมีนาคมนี้หรือไม่ ก็มีความเป็นไปได้ แต่ต้องหารืออีกที และอาจจะมีมาตรการอื่นๆด้วย ซึ่งจะมีการพิจารณาอยู่ รวมถึงการนำเม็ดเงินของรัฐบาลลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำลังดูรายละเอียดโครงการของทุกกระทรวงอยู่ เพื่อนำไปสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานสู่ท้องถิ่น
ด้านมาตรการจูงใจซื้อรถอีวี นายสุพัฒนพงษ์ ย้ำว่า จะมีการนำเสนอมาตรการนี้ ต่อที่ประชุม ครม. ในต้นปีนี้ โดยนักลงทุนญี่ปุ่นก็พร้อมที่มาลงทุนในไทย ซึ่งเตรียมประกาศเจตนารมย์ที่เป็นทางการในเร็วๆ และตนเองพร้อมที่จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ราวเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะไปนำเสนอเรื่องของความพร้อมและความคืบหน้าในการเดินหน้าพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งมีการพัฒนาในหลายๆด้าน รวมถึงไทยก็จะนำเสนอแผนส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม และ นวัตกรรมใหม่ ๆ อีกทั้งมีแผนที่จะดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีศักยภาพสูงเข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทย
ขณะที่ประเด็นการที่รัฐบาลเล็งให้มีการจัดเก็บภาษีคริปโต นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ต้องสอบถามกระทรวงการคลัง ตนเองเพิ่งสมัครเล่น