จากกรณีที่ นายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี สั่งการให้พนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ออกลาดตระเวนตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเมียนมา กระทั่งเวลา 10.00 น. ของวันที่ 9 ม.ค. เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้ลาดตระเวนไปถึงป่าลำห้วยปิล๊อก หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากเขตชายแดนไทย-เมียนมา ประมาณ 4 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มควันไฟมาจากลำห้วยจึงเข้าตรวจสอบ พบกลุ่มบุคคลรวม 5 คนตั้งแคมป์อยู่ริมลำห้วย
โดยระหว่างเข้าจับกุมตัว ปรากฏว่าสุนัขของกลุ่มคนร้ายที่ใช้นำทางเห่าหอนขึ้นมา ทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวไหวตัวก่อนวิ่งหลบหนีเข้าป่าไป ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามวิ่งไล่ติดตาม แต่ตามไม่ทัน เนื่องจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้ชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบแคมป์ที่พักรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพบซากเสือโคร่งถูกยิงเสียชีวิต 2 ตัว โดยถูกแร่เนื้อเอามาย่างไฟ ส่วนหนังของเสือโคร่งทั้ง 2 ตัวถูกนำมาขึงให้แห้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบอาวุธปืนอีก 4 กระบอก พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ อีก 29 รายการตกอยู่ที่แคมป์ เมื่อตรวจสอบโดยรอบพบซากวัว 1 ตัว ถูกนำมาผูกไว้กับต้นไผ่เพื่อใช้เหยื่อล่อเสือโคร่งให้มากินเป็นอาหาร
ล่าสุดวานนี้ ( 12 ม.ค.65 ) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นำหลักฐานทั้งหมดเข้าพบ ร.ต.อ.สองนคร เครือแสง พนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ เพื่อให้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมให้สืบสวนกรณี นายป้อม ทองผาประวิตร โทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อขออาวุธปืนลูกซอง 5 นัดยี่ห้อวินเชสเตอร์ หมายเลขประจำปืน 1526415 ซึ่งเป็นอาวุธปืนของกลางในคดีคืนจากเจ้าหน้าที่ หลังแจ้งว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของ นายบุญถิ่น จันทร์เขต เจ้าหน้าที่ อปพร. จึงอยากให้ตำรวจสืบหาข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่แอบอ้างนั้นมีตัวตนหรือไม่ และมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในครั้งนี้หรือไม่
นายเจริญ บอกอีกว่า จากการตรวจสอบซากเสือโคร่งทั้ง 2 ตัว เบื้องต้นพบว่าตัวหนึ่งเป็นเพศผู้ น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม และอีกตัวหนึ่งเป็นเพศเมีย น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม คาดว่าผู้ลักลอบกระทำผิดน่าจะฆ่าเพื่อนำออกมาจำหน่ายยังพื้นที่ด้านนอก และจากข้อมูลการวิจัย ไม่ปรากฏว่าเสือโคร่งมีถิ่นที่อยู่อาศัยในพื้นที่อุทยานฯ ทองผาภูมิ มาก่อน จึงประสานงานไปยัง นายสมโภชน์ ดวงจันทราศิริ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเสือโคร่ง ให้ทำการตรวจสอบลายของเสือ เพื่อที่จะทราบว่าเสือทั้ง 2 ตัวมาจากพื้นที่ใด ส่วนอาวุธปืนของกลางที่มีบุคคลอ้างว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ อปพร.นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะประสานไปยังผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง เพื่อเชิญตัวมาให้ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่ามีความเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงกับการกระทำผิดหรือไม่
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ นำรถตู้เดินทางไปรับตัวผู้ต้องหาที่บริเวณจุดตรวจเชิงเขาบ้านไร่ ต.ปิล๊อก ไปยัง สภ.ทองผาภูมิ แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม สำหรับผู้ต้องหาที่ลงมือยิงเสือโคร่ง มีจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายกูกือ ยินดี บุคคลบนพื้นที่สูง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ 2.นายจอแห่ง พนารักษ์ อายุ 38 ปี บุคคลบนพื้นที่สูง อยู่บ้านเลขที่ 39/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 3.นายศุภชัย เจริญทรัพย์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี และ 4.นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ อายุ 30 ปี เป็นน้องชายของนายศุภชัย เจริญทรัพย์
เบื้องต้น 4 ผู้ต้องหาให้การว่า มีอาชีพเลี้ยงวัว แต่เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา วัวถูกเสือโคร่งกินไปเกือบ 20 ตัว พวกตนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำซากวัวที่ถูกเสือกัดตายมาเป็นเหยื่อล่อเสือ ส่วนอาวุธปืนลูกซอง 5 นัด พวกตนยืมมาจากเจ้าหน้าที่ อปพร.เพื่อใช้ป้องกันตัวเท่านั้น