พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า พี่น้องประชาชนที่รัก ผมขอเรียนแจ้งความคืบหน้าที่สำคัญ 2 ประการ ในการปฏิรูปการศึกษาของไทย ซึ่งเริ่มผลิดอกออกผลและมีผลในการปฏิบัติแล้ว ดังนี้
1. การก่อตั้ง “กองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา” โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดตั้งกองทุนใหม่นี้ขึ้น เพื่อให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนสถาบันอุดมศึกษาอย่างเป็นระบบ สามารถผลิตกำลังคนของประเทศที่มีคุณภาพ รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน (Disruptive change) ของโลกอนาคตได้ รวมทั้งมุ่งส่งเสริมแนวทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่จะต้องตอบสนองความต้องการของคนทุกช่วงวัย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล/องค์ความรู้ตามความต้องการของผู้เรียน นับเป็นการเดินหน้า “พลิกโฉมแบบก้าวกระโดด” สำหรับการอุดมศึกษา โดยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยองค์ความรู้ที่ทันสมัย
2. การเปิดลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบัน เป็นการปลดล็อคด้านการศึกษาครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ 25 สถาบัน ในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) การลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบันได้ นับเป็นการแปลงนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติได้จริง และมีผลในทางปฏิบัติได้ทันที โดยประโยชน์ที่จะได้รับ จะเกิดขึ้นในทุกระดับ ผู้เรียนจะสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้และประสบการณ์ได้จากต่างสถาบัน ตามรายวิชาที่ตนสนใจ ส่วนสถาบันการศึกษาจะสามารถบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูล องค์ความรู้ ที่เป็นของดี หรือความเป็นเลิศจากสถาบันอื่น ที่แตกต่างกัน โดยที่กระทรวง อว. จะมีการปฏิรูประบบคลังหน่วยกิตและการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศในก้าวต่อไป
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นก้าวย่างสำคัญ ที่กำลังจะส่งผลดีอย่างยิ่งในวันข้างหน้า ต่อเนื่องจากกลไกอื่นๆ ที่รัฐบาลได้สร้างขึ้น ทั้งการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ที่มีภารกิจสำคัญในการสร้างคน สร้างองค์ความรู้ และสร้างนวัตกรรม รวมทั้งการตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่คอยโอบอุ้มไม่ให้ลูกหลานไทยคนใดต้องหลุดจากระบบการศึกษา เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาตนเองด้วยความเสมอภาคกัน โดย #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะการศึกษาจะเป็นบันไดในการก้าวไปข้างหน้าสู่สิ่งที่ดีกว่าของทุกๆ คน
การปฏิรูปการศึกษา เป็นภารกิจอันใหญ่หลวงของประเทศ ที่ผมให้ความสำคัญอย่างยิ่งและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ ที่ได้สั่งการไว้เสมอมา ซึ่งอาจเป็นภารกิจที่ไม่สามารถสำเร็จได้โดยง่าย หรือรวดเร็วดังใจ แต่ก็ต้องวางรากฐานและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นปัจจัยโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจากรากฐานที่ดี และศักยภาพของเยาวชนไทยในทุกๆ ด้าน ทำให้เราได้เห็นเยาวชนคนเก่งจำนวนมากที่ขึ้นมาสร้างผลงานอันน่าภาคภูมิใจ ทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ และผมเชื่อมั่นว่าเรากำลังจะได้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และท้าทาย นั่นคือการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ประเทศพัฒนาแล้ว” ให้สำเร็จตามยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ให้ได้