วันนี้ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านยเฟสบุ๊ก เรื่อง “หมดอนาคต ตลอดชั่วนิจนิรันดร์” โดยระบุว่า ผลการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ซึ่งเป็นพรรคเกิดใหม่ มีแต่สมาชิกพรรคที่เป็นคนหน้าใหม่ ชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับที่ 3 เพราะประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่า พรรคใหม่ นักการเมืองก็หน้าใหม่ จะเข้ามาเล่นการเมืองแบบใหม่ๆ แต่ผ่านมาเพียงแค่ 3 ปี ประชาชนเริ่มตาสว่าง ว่าพรรคนี้จัดตั้งมาเพื่อภารกิจสำคัญ คือการ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งประชาชนรู้แล้วว่า ”คำว่าปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”ของพรรคนี้มีความหมายว่าอะไร
นายอัษฎางค์ บอกต่อว่า พรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศไทยที่ผ่านมา จัดตั้งมาเพื่อทำงานการเมือง ซึ่งมีการทุตจริตคอรัปชั่นเรื่อยมานับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 2475 มีเพียงคณะราษฎร์ในอดีตที่จัดตั้งมาเพื่อล้มเจ้าและล้มล้างการปกครอง สามปีหลังจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ทำให้ประชาชนเริ่มตาสว่าง เพราะเห็นชัดว่า พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งแปรงร่างแบ่งตัวเป็นพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า มีความพยายามจะเป็น”คณะราษฎร์ใหม่” “คณะราษฎร์”ซึ่งจัดตั้งมาเพื่อล้มเจ้าและล้มล้างการปกครอง สถาบันพระมหากษัตริย์เคียงคู่กับประเทศชาติและประชาชนคนไทยมานับพันปี ประเทศชาติที่ยืนยงอยู่คู่ประชาชนคนไทยมาได้ถึงปัจจุบันได้นั้น ก็เพราะคุณูปการที่มีต้นกำเนิดจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ในขณะที่สถาบันของนักการเมืองต่างหาก ที่กำเนิดไม่ถึง 100 ปี แต่เกาะกินเลือดเนื้อ สูบเงินส่วนใหญ่จากภาษีของประชาชน เข้ากระเป๋าตนเองและพวกพ้อง แล้วแบ่งเงินและผลประโยชน์ส่วนน้อยให้กับประชาชน เพียงสามปีผ่านไปกับคำว่าเบิกเนตร เบิกเนตรจนประชาชนตาสว่างแล้วว่า ใครทำเพื่อชาติและประชาชน อย่างแท้จริง ใครทำเพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองและอุดมคติส่วนตัว ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาตลอด 3 ปี คือสัญญาณว่าอนาคตใหม่ที่แปรงร่างแบ่งตัว หมดอนาคต หมดโอกาสไปต่อ ไปตลอดชั่วนิจนิรันดร์