วันที่ 17 ม.ค. 65 ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการสร้างกระแสรณรงค์ไม่รับปริญญาว่า ตนเห็นว่าเรื่องไม่รับปริญญาใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน หรือการไม่รับพระราชทาน เป็นสิทธิส่วนบุคคลสามารถกระทำได้ อาจด้วยความไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ หรือความเชื่อ ความชอบที่แตกต่างกัน ซึ่งก็เป็นเสียงข้างน้อย ไม่ได้ส่งเสียงมาในสังคม ก็มีหลายคนที่มีความคิดสุดโต่งไม่อยากรับปริญญาเมื่อ 40-50 ปีมาแล้ว ส่วนตนก็รับพระราชทานปริญญามาตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก รู้สึกว่าเป็นความภาคภูมิใจของตนเองและครอบครัวจนถึงทุกวันนี้ และคิดว่าสิ่งเหล่านี้ห้ามไม่ได้ หากไม่อยากมีความภาคภูมิใจเหมือนตน แต่ตนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นการรับพระราชทานปริญญากับในหลวง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทุกพระองค์ หากจำได้พระองค์เคยใส่สายน้ำเกลือไปพระราชทานปริญญาบัตร และทุกครั้งทรงมีความตั้งใจไปกล่าวกับบัณฑิตทั้งหมด ตนคิดว่าคนไทยที่มีความจงรักภักดีจะรู้สึกมาก
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีสำนักข่าวบางแห่งเปิดเผยข้อมูลนี้ รวมถึงเผยแพร่ทางโซเชียล มีนักการเมืองบางคนพยายามปลุกระดมให้ต่อต้าน และยังมีเฟซบุ๊กอ้างว่าเป็นทีมนโยบายของสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกมาบอกไม่เข้าร่วมรับเสด็จ ตนคิดว่าถ้าทำส่วนตัวไม่ชวนคนอื่นก็ไม่เข้าข่ายความผิด สโมสรฯมีภาระที่ต้องทำหน้าที่ ถ้าไม่รับภาระนี้ก็ไม่ควรสมัครมาเป็น ไม่ควรรับการเลือกตั้งมาเป็น ตนเห็นว่าถ้าสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทำเช่นนั้นก็ควรยุบกรรมการชุดนี้ไปหากไม่พร้อมรับหน้าที่
“ผู้บริหารสโมสรฯ และผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะต้องออกมาแถลงให้ทราบ หรือมีการสอบสวน เพราะเท่าที่ทราบตอนหลัง การรับเสด็จงดงามมาก มีความภาคภูมิใจของคนหลายหมื่นคนของครอบครัวที่เขารับ เป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่มีคนกระทำเพียงไม่กี่คน เพียงแค่กลุ่มคนที่มาโพสต์ในเฟซบุ๊ก พบข้อมูลบางประการว่าน่าจะไม่ใช่สโมสรตัวจริง เสียดายที่สโมสรไม่แถลงว่าความจริงพวกเขาไม่ได้กระทำอย่างเฟซบุ๊กนั้นไปหลอกหลวง หรือสถานีโทรทัศน์บางแห่งนำไปขยายข่าว ผมเข้าใจว่าน่าจะเข้าข่ายมีความผิดบางประการในพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็ได้เสนอให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้สอบสวนเรื่องนี้หากพบว่ามีความผิดต่อมหาวิทยาลัยก็ต้องแจ้งความดำเนินคดี ส่วนผลเป็นอย่างไรควรแถลงให้สังคมได้รับทราบว่าสโมสรไม่เกี่ยว เป็นกลุ่มบุคคลที่แอบอ้าง สังคมก็จะได้คลายใจ แต่หากเป็นสโมสรเองแล้วคิดว่าตัวเองไม่มีความพร้อม ผมก็เสนอให้ยุบสโมสรไป เพื่อให้คนที่พร้อมเข้ามาทำหน้าที่แทน และผมเชื่อว่าจะเกิดกรณีแบบนี้อีกในยุคปลุกปั่นข่าวสาร และใช้ทวิตเตอร์ โซเชียลในทางมิชอบ อีกทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ควรไปติดตาม หากพบเข้าข่าบความผิดก็ดำเนินคดีอาญาไป” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่า มีนักการเมืองบางคน และบางพรรคการเมือง นำประเด็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจละเมิดสิทธิ์ไปจับกุมคนที่ชูป้าย นายสมชาย กล่าวว่า “สิทธิ์ของคุณก็มีถ้าเป็นนักศึกษาที่ไม่เข้ารับปริญญา ในอดีต 40 กว่าปีที่แล้วก็เคยมี แต่ไม่ถึง 100 คน ขณะที่คนอีก 3,000-5,000 คนเขาไปรับ ดังนั้นสิทธิ์คุณไม่ควรจะใหญ่กว่าสิทธิ์ของคนอื่น ถ้าจะทำเฉยๆอยู่ที่บ้านก็ไม่มีใครว่า แต่ออกมารณรงค์แสดงปฏิกิริยาต่อต้าน โดยเฉพาะต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ท่านไม่ได้ไปทำอะไรพวกคุณ ท่านไปพระราชทานปริญญาให้กับคนที่เขาอยากได้ ครอบครัวเขาภูมิใจจะตาย ผมขอประณามคนที่อ้างสิทธิ์ตัวเองเสมอ แต่แอบใช้สิทธิ์เป็นวีไอพีลักไก่แม้กระทั่งวัคซีน คนเหล่านี้ทำเป็นประจำ ตัวเองดีหมด คนอื่นแย่หมด เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ไม่น่าไปยกย่อง และพรรคการเมืองแบบนี้ไม่ใช่พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ เป็นพรรคการเมืองน้ำเน่า ที่แค่เปลี่ยนโฉม”