เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง รับแจ้งมีคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ จากถนนทางหลวงหมายเลข 3423 ใกล้เคียงวัดยกกระบัตร ตำบลยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ก่อนขับหลบหนีออกถนนพระรามสอง มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร จึงนำกำลังสกัดจับ และไล่ล่าคนร้ายตั้งแต่ ถนนพระราม 2 ช่วงกิโลเมตรที่ 53 เป็นต้นมา
อีกทั้งได้แจ้งวิทยุประสานกับตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจนครบาล9 เข้าสกัดจับรถบรรทุกคันดังกล่าว กระทั่งคนร้ายขับรถจากถนนพระรามสอง มาถึงแยกบางประแก้ว เลี้ยวขวามุ่งหน้าพระประแดง ส่วนพ่วงท้ายเกิดขาด ขวางถนน แต่คนร้ายยังขับรถมุ่งหน้าต่อ โดยกลับรถขึ้นสะพานข้ามแยกบางประแก้ว มุ่งหน้าวงเวียนใหญ่ในลักษณะย้อนศร จนหวิดเกือบอุบัติเหตุกับรถคันอื่นที่สวนทาง ก่อนจะพุ่งชนแนวรั้วใต้สะพานข้ามแยกตากสิน จนมุมถูกเจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวไว้ได้ แต่คนร้ายยังมีอาการคุ้มคลั่งพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งจากการตรวจค้นไม่พบเอกสารระบุตัวตนแต่อย่างใด
จากการสอบถาม นายสุชาติ สงวนสัตย์ อายุ 55 ปี คนขับรถบรรทุก เล่าว่า ขณะขับรถมาจาก จ.นครปฐม เพื่อไปรับน้ำเค็มแถวย่านวัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ระหว่างขับมาถึงช่วงวัดยกกระบัตร ซึ่งเป็นถนนสองเลนสวนกัน ลักษณะทางโค้ง และขึ้นสะพาน ทำให้ต้องชะลอความเร็ว ก็เห็นคนร้ายยืนขวางถนน และชักปืนขึ้นมาจ่อใส่หน้ารถ บังคับให้หยุด จากนั้นคนร้ายได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ จากนั้นคนร้ายได้ปีนขึ้นมาจากฝั่งซ้าย เกาะรถขึ้นมา และพยามใช้เท้าถีบกระจกหน้ารถไปตลอดทาง ด้วยกลัวว่า จะถูกยิงเลยพยามขับรถไปอีก ประมาณ 15 กิโลเมตร โดยมีคนร้ายเกาะอยู่บนตัวรถ จนกระทั่งถึงป้อมตำรวจ ทางหลวงพระราม 2 จ.สมุทรสาคร จึงรีบจอดและวิ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่ จังหวะนั้นคนร้ายจึงชิงขับรถบรรหลบหนี ตนเองจึงขึ้นรถมากับตำรวจไล่ติดตามคนร้าย กระทั่งสามารถสกัดจับตัวไว้ได้ เบื้องต้นพบว่า มีรถยนต์เสียหาย 1 คัน และ รถพ่วง 18 ล้อ เสียหายอีก 1 คัน รวมระยะทางหลบหนี 54 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนคนร้ายยังอยู่ในอาการคุ้มคลั่ง ให้การว่า เสพยาบ้ามา 5 เม็ด พร้อมดื่มสุรามาก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังอ้างว่าใช้อาวุธปืนยิงคนตายมาแล้ว ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น ได้โยนทิ้งแม่น้ำท่าจีนไปแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป