20 กุมภาพันธ์ 63 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องกรมป่าไม้ ขอให้ตรวจสอบนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 และ น.ส. 2 ท้องที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
5 มิถุนายน 63 กรมป่าไม้ และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินของนางสมพร พื้นที่หมู่ 14 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
30 ธันวาคม 63 กรมป่าไม้ แจ้งความต่อตำรวจ บก.ปทส. ให้ดำเนินคดีกับนางสมพร ฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ จังหวัดราชบุรี หลังการตรวจสอบพบที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้าย แม่น้ำภาชี และซ้อนทับกับเขตปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. ที่ประกาศปี 2554 และแปลงที่ดินทั้งหมดซ้อนทับในเขตป่าไม้ถาวร หมายเลขที่ 85 ปี 2512
แบ่งเป็น โฉนดที่ดิน จำนวน 1 แปลง, น.ส.3 ก.จำนวน 55 แปลง, น.ส.3 จำนวน 14 แปลง มีเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 3,098 ไร่เศษ พร้อมเสนอให้กรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก. 55 ฉบับ ประมาณ 2,000 ไร่ ของนางสมพร รวมทั้งเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก ทั้ง 55 ฉบับ มิชอบ
11 มกราคม 64 ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหนังสือถึงกรมที่ดิน ขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. 3 ก. จำนวน 60 ฉบับ เนื่องจากมีการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดย ที่ดิน น.ส. 3 ก. จำนวน 60 ฉบับ ตรวจสอบมีผู้ครอบครองเพิ่มเติมไม่ได้มีเพียงนางสมพร แต่ยังมีของนางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ บุตรสาวนางสมพร จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บุตรชายนางสมพร จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ และนางสมพร จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 2,154-3-82 ไร่
21 มกราคม 64 กรมที่ดินทำหน้าสือตอบกลับถึง ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. 3 ก. จำนวน 60 ฉบับ ซึ่งกรมที่ดินแจ้งว่า ได้แจ้งให้จังหวัดราชบุรีตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวแล้ว หากจังหวัดราชบุรีแจ้งผลดำเนินการ กรมที่ดินจะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
4 กุมภาพันธ์ 64 กรมป่าไม้ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ บก.ปทส.อีกครั้ง โดยเอาผิดนางสมพรเพิ่มเติม และผู้ต้องหาใหม่อีก 2 คน ได้แก่ นางสาวชนาพรรณ นายธนาธร ฐานครอบครองที่ดิน นส.3 ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายรวม 60 ฉบับ และทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ประเมินความเสียหายภาครัฐจำนวน 147,063,223.15 บาท
ทั้งนี้กรมป่าไม้ยังเปิดเผยเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ เป็นเอกสารบักทึกถ้อยคำที่ของนางสมพร และนางสาวชนาพรรณ ที่เนื้อหาสำคัญคือ ทั้งสองคนรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตั้งแต่ต้น และพร้อมรับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด หากมีการแก้ไขหรือเพิกถอน หรือเกิดการเสียหาย ไม่ว่ากรณีใดๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้
22 เมษายน 2564 นางสมพร เข้าพบตำรวจ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกคดีบุกรุกป่า ให้การปฏิเสธ
จากต้นปี 64 ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า แจ้งให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. 3 ก. จำนวน 60 ฉบับ ซึ่งครอบครองโดยนางสมพร นางสาวชนาพรรณ และนายธนาธร แต่จนถึงช่วงปลายปี 64 กลับไม่มีความคืบหน้า ส่งผลกระทบต่อการเอาผิดทางอาญา ทำให้ตำรวจ บก.ปทส.ทำหนังสือถึงกรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 64 เพื่อขอทราบความคืบหน้าว่า กรมป่าไม้ได้ขอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารที่ดิน น.ส. 3 ก.ดังกล่าวแล้วหรือไม่ เพื่อประกอบการสอบสวน
วันที่ 11 มกราคม 65 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องทำหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อขอทราบความคืบหน้าการเพิกถอนเอกสารที่ดิน น.ส. 3 ก. เนื่องจากระยะเวลาได้ล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว แต่กรมที่ดินยังไม่แจ้งผลการดำเนินการแต่อย่างใด
และวันที่ 17 มกราคม 2565 ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำหนังสือถึงตำรวจ บก.ปทส. โดยแจ้งว่า ได้ทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าจากกรมที่ดินแล้ว
จากไทม์ไลน์ดังกล่าว คงพอจะเห็นภาพแล้วว่าเรื่องนี้ติดขัดที่หน่วยงานใด จนทำให้การเอาผิดทางอาญานางสมพร นางสาวชนาพรรณ และนายธนาธร มีความล่าช้า ซึ่งล่าสุดทีมข่าวท็อปนิวส์ได้ตรวจสอบไปยัง ตำรวจบก.ปทส ได้รับการเปิดเผยว่า เรื่องทั้งหมดส่งไปยังอัยการแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทางอัยการมีคำสั่งให้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติม ตำรวจบก.ปทส ก็ดำเนินการไปครบทุกประเด็นแล้ว