ทำความรู้จักแพลตฟอร์มดิจิทัล NFT หลังเกิดประเด็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นำภาพวาดของตนเอง ซึ่งเป็นการวาดภาพเบนจา อะปัญ แกนนำม็อบราษฎร มาประมูลผ่าน NFT ได้เงินไปกว่า 3 ล้านบาท โดยเงินที่ได้มอบให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ท่ามกลางข้อพิรุธมากมาย ไล่ตั้งแต่การก็อปภาพจากศิลปินต่างประเทศ ไปจนถึงเป็นการฟอกเงินเพื่อนำมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว หรือไม่
สำหรับ NFT มีชื่อเต็มๆว่า Non-Fungible Token เป็นชื่อเรียกของ คริปโตเคอเรนซี ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกทำขึ้นมา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งของนั้นๆ เช่น ผลงานศิลปะ ภาพวาด เพลง ของสะสม ไอเทมเกมที่หายาก รวมทั้งงานแฟชั่น ฯลฯ โดยจะถูกนำไปแปลงเป็น Token เพื่อเข้าสู่ NFT ก่อนจะถูกเรียกว่า “Crypto Arts” กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่า สามารถซื้อ-ขายได้ทั่วทุกมุมโลกและตลอด 24 ชั่วโมง แต่จะซื้อขายในตลาดหรือแพลตฟอร์ม NFT เท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายบนกระดานเทรดทั่วไป โดยผู้ที่ซื้อตัวงานศิลปะนั้นจะได้รับดิจิทัล Token ในการยืนยันความเป็นเจ้าของในโลกดิจิทัลแทน
เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สำคัญของNFT คือ มีความแตกต่างจากคริปโตเคอเรนซีประเภทเหรียญดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ หรือ อีเธอเรียม ที่สามารถใช้ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนแทนกันได้หมด แต่ NFT ที่เป็นภาพวาด หรือเพลง ก็ต้องได้ Token ของภาพนี้ หรือเพลงนี้เท่านั้น จะเอาToken อื่นมาให้แทนไม่ได้
ที่ผ่านมา NFT ได้มีการประมูลขาย Crypto Arts มาแล้วมากมาย เช่น ภาพมีมในตำนาน “Disaster Girl”ซึ่งเป็นภาพเด็กหญิงวัย 4 ขวบ หันหน้ามามองกล้อง ในขณะที่ฉากหลังเป็นภาพบ้านกำลังถูกไฟไหม้ โดยเธอได้ตัดสินใจขายรูปของตนเองในรูปแบบ NFTและมีผู้ซื้อไปในราคา 180 เหรียญ Ether (เป็นสกุลเงินดิจิทัล) หรือ 493,885 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 15 ล้านบาท
ส่วนการประมูล NFT ที่แพงที่สุดในโลก ข้อมูลปี 2564 คือ ผลงานศิลปะของ Beeple ที่นำ 5,000 ภาพ จากการวาด 5,000 วัน มาปะติดปะต่อเป็นภาพคอลลาจ ในชื่อ Everydays: The First 5000 Days หรือ “ทุก ๆ วัน : 5,000 วันแรก” ถูกประมูลไปด้วยราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยกว่า 2.2 พันล้านบาท จากราคาเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 100 ดอลลาร์ หรือราคาราว 3,000 บาท เท่านั้น