เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ห้อง World Ballroom ชั้นที่ 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะผู้ก่อตั้งจากหลายภาคส่วน ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย
โดยนายอุตตม กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศขณะนี้น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน รายได้ที่ตกต่ำสวนทางกับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในมิติด้านสังคม เมื่อเศรษฐกิจสะดุดลง จะซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำให้สูงขึ้น บั่นทอนคุณภาพชีวิตประชาชนให้แย่ลง ตลอด 1 ปีครึ่ง เรามีโอาสได้พบเจอผู้คนในทุกวงการ ได้รับเสียงสะท้อน อยากเห็นสมการการเมืองที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าอย่าราบรื่น อีกครั้ง อยากเห็นพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนในหลายภาคส่วน มาระดมกำลังแก้ปัญหาประเทศ สร้างอนาคตประเทศ เพื่อให้มีอนาคตต่อไปได้
นายอุตตม กล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทย มีบุคลากรหลากหลายความรู้จากทุกภาคส่วน สายการเมือง ทั้งอดีตรัฐมนตรี ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชนที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้ประเทศมาร่วมหารือ นี่คือจุดยืนสำคัญจุดหนึ่ง ซึ่งปัญหาบ้านเมืองใหญ่มาก ไม่สามารถแก้ได้เพียงแค่คนเพียงไม่กี่กลุ่มได้ และหลังจากนี้เราจะระดมความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ แนวคิด แนวทางปฎิบัติที่ทำได้จริง โดยมุ่งมั่นว่าประชาชนคนไทย ต้องมีความหวังที่จับต้องได้ มีโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถ ความใฝ่ฝันของตัวเอง เข้าถึงแหล่งทุนได้ มีสิทธิเสรีภาพ ได้รับความยุติธรรมที่เท่าเทียม
“ เราจะไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง เราจะไม่โกง ไม่ปล้นชาติ เราอาสาจะเป็นหนึ่งในทางเลือกให้กับสังคมไทย จุดยืนของพรรคคือการเข้ามาแก้ปัญเศรษฐกิจ สร้างความฝัน สร้างอนาคตให้กับประชาชนคนไทย” นายอุตตม กล่าว
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่วันเปิดพรรค แต่วันนี้ เราเอาผู้ที่มีเจตนารมย์ที่จะสร้างพรรคการเมือง มานำเสนอต่อสาธารณชน พรรคการเมืองนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ของบ้านเมือง ที่ผ่านมาตน 2 คน ไม่คิดจะกลับมาทำงานการเมืองอีก เพราะเราเพียงพอแล้ว แต่สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชน อยากจะฝากความหวังให้อยู่รอดต่อไปได้ ทั้งจากวิกฤตโควิด ปัญหาปากท้อง สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ทีมงานของพวกเราได้หารือกันแล้วว่า เราจะต้องเข้ามาสร้างซึ่งความหวังของพี่น้องประชาชน หากพี่น้องประชาชนขาดความหวัง และความร่วมมือ ประเทศจะเดินหน้าไปไม่ได้ พวกเราเห็นว่าสิ่งที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่พอกับการสร้างความหวังให้กับประชาชน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะนำพาความหวัง ความฝันของประชาชนไปให้ได้ เพราะปัญหาประเทศในขณะนี้ถลำลึกทั้งการบริหาร และปัญหาโควิด ซึ่งจากการที่เราได้พบปะ พูดคุยและแลกเปลี่ยนกับผู้คน ทำให้รู้ว่า ยังมีคนอีกหลายภาคส่วนอยากจะเข้ามาสร้างความหวังให้กับประเทศ จึงเป็นที่่มาของพวกเรา เราได้รวบรวมขุนพลชุดที่ 1 มาร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองนี้ แต่ยังมีอีกหลายคนที่จะมาเปิดตัวกับพรรคการเมืองนี้ บางท่านก็ขอช่วยแบบไม่เปิดเผยตัว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรามีตั้งแต่อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีคนที่อยู่กับธนาคารโลก เรามีนักธุรกิจที่เข้าใจธุรกิจเอสเอ็มอี เรามีคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล มีทั้งปราชญ์ชาวบ้าน สิ่งเหล่านี้จะตกผลึกมาเป็นนโยบายของพรรคสร้างอนาคตไทย ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะมาจากคนทุกภาคส่วนมาขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยกัน
ทั้งนี้ในช่วงตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงจุดยืนของพรรคสร้างอนาคตไทยว่าจะสบับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคจะไม่ซ้ำเติมความแตกแยกของสังคมไทยซึ่งวันนี้แบ่งเป็น 2 ขั้วชัดเจน ทั้งนี้เราเคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองที่ไม่ได้เข้ามาเป็นนักการเมืองที่เข้ามาทำงานเพื่อผลประโยชน์พวกพ้อง ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างพรรคอนาคตไทย และจุดยืนเราก็ไม่ได้ทำพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เราทำพรรคเพื่อเป็น 1 ในตัวแทนประชาชน เพื่อแก้ปัญหาประเทศ และที่ยืนยันได้ “เราจะไม่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรค”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะเป็น 1 ในแคนดิเคทรายชื่อนายกของพรรคหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ตนยอมรับว่ามีความสนิทสนมกับนายสมคิดและท่านไม่เคยทอดทิ้งเรา ตนเชื่อว่านายสมคิดเหมาะสม อย่างไรก็ตามการพิจารณาผู้ที่จะมาเป็นแคนดิเดทนายกฯของพรรค เราก็ต้องมาร่วมกันหารือ แต่ยืนยันว่าจะส่งครบทั้ง 3 รายชื่อ พร้อมกันนี้ขอยืนยันว่าเราไม่มีความเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่พรรคอะไหล่หรือพรรคนอมินีแน่นอน
พร้อมกันนี้ นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ได้ร่วมเปิดตัวสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งมาจากหลากหลายวงการ ประกอบด้วย นายกำพล ปัญญาโกเมศ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA) นายนริศ เชยกลิ่น อดีตผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์และการเงิน นายธงชัย ชาสวัสดิ์ นักการทูตมืออาชีพอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์ นายบุญส่ง ชเลธร ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสวัสดิการประเทศยุโรป นายแก้ว สังข์ชู ปราชญ์ชาวบ้านภาคใต้ผู้นำผู้บริหารเพื่อพัฒนาองค์กรและชุมชน นายศิวโรฒ จิตนิยม ปราชญ์ชาวบ้านภาคกลางเจ้าของผลงานหนองสาหร่ายโมเดล นายวิรัช วิฑูรย์เธียร อดีตหัวหน้าผู้เชี่ยววชาญสิ่งแวดล้อมจากธนาคารโลก นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตCEO บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม นายโอฬาร วีระนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างและลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม นางละเอียด ปู่หลุ่น ปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสานและผู้ก่อตั้งวิชชาลัยครุไทบ้าน นายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล รองเลขาธิการจุฬาราชมนตรี นายรักษ์พงศ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร ครูละคนดนตรีสำคัญของประเทศไทย นายณพพงศ์ ธีระวร อดีตประธานสมาพันธ์ sme นางโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ มือพัฒนา SMEs และผู้คล่ำหวอดธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักการเมืองผู้เจนจัดในวงการการเมืองไทย นายสุพล ฟองงาม ขุนพลอีสานผู้อยู่เคียงข้างประชาชน นายวัชระ กรรณิการ์ อดีตรองโฆษกรัฐบาล นายสันติ กีระนันทน์ อดีตส.ส. และผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทางการเงินและการลงทุน นางทักษอร คงคาประเสิรฐ หญิงแกร่งวงการนวัตกรรม นายสรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์ ผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายอาสา วัฒนญานกุล ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีและนักพัฒนา ซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพและการท่องเที่ยว และนายจิรมิตร เกษร ผู้นำด้านการเกษตรอินทรีย์แบบพึ่งพาตนเอง
