วันที่ 20 ม.ค. 2565 นางพเยา แย้มวาม อายุ 54 ปี เลขที่ 38 ม 6 ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร อ.ประโคนชัย ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินเยี่ยวยา หลังจากหมูในคอกที่เลี้ยงไว้จำนวน 28 ตัว ล้มตายทั้งหมดโดยไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่เดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา
นางพเยา เล่าว่าตนเลี้ยงหมูเป็นอาชีพมานานกว่า 20 ปี มีแม่พันธุ์ 2 ตัว มีรายได้ทั้งขายลูกหมู ส่วนหนึ่งเก็บไว้เลี้ยงเอง ถือเป็นอาชีพหลักของครอบครัว เมื่อเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา หมูที่เลี้ยงไว้จำนวน 28 ตัว เริ่มป่วยซึมไม่กินอาหาร จึงไปปรึกษาปศุสัตว์ จากนั้น จนท.ได้ลงมาตรวจสอบ แล้วเข้ามาทำลายทั้งหมด โดยปศุสัตว์ แจ้งว่าจะมีเงินเยี่ยวยาจากรัฐบาล 3 ใน 4 ของราคาประเมิน ตนก็ยอมรับเพราะไม่มีทางเลือกแต่ก็เข้าใจ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลเลย จึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาล หรือกรมปศุสัตว์ เร่งช่วยเหลือเงินเยียวยามาให้ถึงมือเกษตรกรโดยเร็ว เพราะต้องแบกภาระหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ที่จำเป็นจะต้องจ่ายในเร็วๆนี้
ด้านนายอภิชาต สุวรรณชัยรบ ปศุสัตว์ จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมปศุสัตว์ และผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2562 ให้บุรีรัมย์ เป็นเขตพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโค ASF หากได้รับรายงานว่ามีหมูพื้นที่ไหนมีอาการป่วยคล้ายโรค ASF ก็จะเข้าไปทำลายเพื่อตัดวงจรทันที
ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ มีเกษตรกรได้รับผลกระทบจำนวน 408 ราย ได้กำจัดหมูไปแล้วประมาณ 13,000 ตัว เกษตรกรจะได้รับเงินเยียวยา 3 ใน 4 ของราคาประเมินหมูในช่วงนั้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 42 ล้านบาท จ่ายให้กับเกษตรกรไปแล้ว 3 ราย เป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาทซึ่งได้รายงานไปแล้ว จากการตรวจตัวอย่างหมูที่ทำลาย ทั้งหมดยังไม่พบโรค ASF ในหมูของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สาเหตุที่ทำลายเพราะต้องการตัดวงจร เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด เกษตรกรทุกรายเข้าใจดี
สำหรับสถานการณ์การเลี้ยงหมูของจังหวัดบุรีรัมย์ ขณะนี้ยังมีเกษตรกรเลี้ยงอยู่จำนวน 529 ราย จำนวนหมูประมาณ 170,000 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ในฟาร์มปิด.
ภาพ/ข่าว วันชัย ผิวอร่าม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์