จากกรณีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าการ เพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.๓ ก. ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจและลูก ที่ครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้ถาวร อำเภอ จอมบึง จังหวัดราชบุรี และได้สั่งการให้กรมที่ดินชี้แจงรายละเอียด นั้น
กรมที่ดิน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง สรุปดังนี้
1. ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๔ ส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณา ขอให้ตรวจสอบที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในท้องที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ว่าสามารถออกโฉนดที่ดินหรือ หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ถาวร หรือป่าสงวนแห่งชาติ ได้หรือไม่ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) ได้ตรวจสอบพบว่า มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน ๖๐ ฉบับ มีชื่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน ๕๓ ฉบับ นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน ๕ ฉบับ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน ๒ ฉบับ
ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินตรวจสอบแล้ว ที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข ๘๕)” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ และมีการประกาศให้เป็น เขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ จึงขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.๓ ก. ทั้ง ๖๐ ฉบับ
2. กรมที่ดินได้ร่วมกับจังหวัดราชบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ปรากฏว่า การออก น.ส. ๓ ก. ในท้องที่ ต.ด่านทับตะโก ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน ๖๐ แปลง ดังกล่าว ได้ออกตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ในเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา ๖๑ แห่ง ประมวลกฎหมายที่ดิน
เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ โดยมีผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑๐ ราชบุรี ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรี ร่วมเป็นคณะกรรมการฯ และคณะกรรมการฯประชุมร่วมกัน จำนวน ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วมีความเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะลงความเห็นได้ว่าตำแหน่งที่ดินทั้ง ๖๐ แปลง อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข ๘๕) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ หรือไม่ เนื่องจาก ผู้แทนผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ต้องการค่าพิกัดของ น.ส.๓ ก. ทั้ง ๖๐ แปลง เป็นรายแปลง เพื่อตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ก่อน จึงจะให้ความเห็นได้ว่า น.ส.๓ ก. ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรหรือไม่ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมที่ดิน กรมป่าไม้ กรมพัฒนาที่ดิน ร่วมกันตรวจสอบ ข้อเท็จจริง
3. จังหวัดราชบุรีมีหนังสือ ลงวันที่ ๑๒ มกราคม 2565 ขอให้กรมที่ดินสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคในการรังวัดทำแผนที่ การตรวจสอบและการถ่ายทอดตำแหน่งที่ดินตามหลักฐาน น.ส. 3 ก. ดังกล่าวในระวางรูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน ๑ : ๕,๐๐๐ ลงในสำเนาระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคณะกรรมการสอบสวนฯ
4. กรมที่ดิน ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ ๑๙ ม.ค. ๖๕ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำค่าพิกัดของ น.ส.๓ ก. ทั้ง ๖๐ แปลง ตามความเห็นของผู้แทนผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี โดยขอความร่วมมือไปยังจังหวัดราชบุรีแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กรมพัฒนาที่ดิน สำนักจัดการทรัพยากร ป่าไม้ที่ ๑๐ (ราชบุรี) และหัวหน้าสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ให้เข้าร่วมกับคณะทำงานดังกล่าว และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นจะจัดส่งค่าพิกัดของ น.ส.๓ ก. ทั้ง ๖๐ แปลง ให้คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
