วันที่ 21 ม.ค.65.-ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์กับ Top News โดยมองความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพรรคพลังประชารัฐที่มีมติขับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพร้อม 20 ส.ส. ว่าเป็นการแก้เกมทางการเมืองหลัง พลังประชารัฐพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลาและชุมพร เนื่องจากต้องยอมรับว่า ร้อยเอกธรรมนัส สร้างความเสียหายเกิดขึ้น กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตก พุ่งเป้ามาที่ร้อยเอกธรรมนัส ว่าเป็นสาเหตุแห่งความล้มเหลวสร้างความผิดพลาดหากผู้กองธรรมนัสยังอยู่ในพรรคพลังประชารัฐจนถึงวันที่ 30 มกราคมที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต9 กทม.หลักสี่-จตุจักร หากผลการเลือกตั้งออกมาแพ้อีก คาดว่าหลังจากนั้นจะนำไปสู่การล่ารายชื่อของสมาชิกและส.ส.ในพรรคเพื่อปลด ผู้กองธรรมนัสออกจากพรรคอยู่ดี
ซึ่งประกอบกับ มีกรณีไลน์หลุดออกมา เป็นช่องอันดีที่ผู้กองธรรมนัสนำมาเป็นข้ออ้างว่ามีความไม่เป็นเอกภาพมีความขัดแย้งสูงจึงใช้จังหวะนี้ออกไปแม้กระทั่งข่าวที่เรียกร้องขอปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อขอ เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ถือเป็นข้ออ้างเพื่อจะให้มีเหตุผล ว่าข้อต่อรองนั้นไม่สามารถทำได้อยู่แล้วเพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมไม่ให้เก้าอี้อยู่แล้ว
และมองว่า การออกไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทยและมีพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณอยุธยา และมีบิ๊กเนมอีกหลายคนที่เป็นตัวประสานกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และการขับออกถือว่าเป็นความปราณีทางการเมืองที่สูงมาก เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับพรรคอื่นจะมีการดึงเช็งไม่ขับ ไม่แก้ปัญหาอะไรทั้งนั้นให้อยู่กันไปแบบคาราคาซัง แต่การขับออกไปถือเป็นการแก้ปัญหากลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐได้ แต่ก็ยอมรับว่าอายุของรัฐบาลก็ถูกร่นระยะเวลาให้สั้นลงด้วยเช่นกัน หากปล่อยให้กลุ่มผู้กองธรรมนัส มีฤทธิ์เดชต่อรองต่อไปประมาณช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ คาดว่าจะมีศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงคะแนน หากกลุ่มของผู้กองธรรมนัสเพิกเฉยหรือโหวตสวนหรือทำการใดๆ ที่ไม่เป็นคุณต่อพลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกก็คิดว่าภาพนั้นจะทำให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เสียหายแน่นอนเมื่อถึงจุดนั้นอาจจะนำไปสู่การยุบสภาก็เป็นได้ ในฉากทัศน์เบื้องต้นอาจจะมองคาดการณ์ไว้ในลักษณะนั้นแต่หากมีการปรับ ยุทธศาสตร์ เพิ่มเติมของพลเอกประยุทธ์และในส่วนพลังประชารัฐเอง
ส่วนที่มีคนมองว่าเป็นเกมสร้างละครของพรรคพลังประชารัฐเป็นกลยุทธ์การแตกแบงค์พัน กระจายพรรคการเมืองออกไปของพลเอกประวิตรหรือไม่นั้น ผศ.วันวิชิตยอมรับว่าก็สามารถมองได้เหมือนกัน แต่ระบบการแตกแบงค์พันเพื่อจะไปหวังในระบบปาร์ตี้ลิสต์นั้นไม่น่าจะใช่ เพราะขณะนี้ส.ส.เขตมีอยู่ระดับ 100 ที่นั่งไม่ถือว่าเป็นคุณ ฉะนั้นการมีส.ส.เขตอยู่ในมือจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นเท่านั้น และการออกไปของกลุ่มผู้กองธรรมนัสมองว่าเป็นการรีแบนดิ้งพรรคพลังประชารัฐไปด้วย หลังมีการกระทบกระทั่งกันอย่างหนัก แต่การกระจายกันออกไปมองว่าการหาเสียงอาจจะทำได้ยากในอนาคตหากจะพึ่งบริการของพรรครัฐบาลทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยก็น้อยลงได้แต่พรรคที่แยกออกไปสามารถเติบโตได้
หากในช่วงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประมาณ เดือนพฤษภาคม หากเสียงไม่พอในสภาเป็นไปได้ที่พลเอกประยุทธ์จะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างซึ่งถือเป็นโจทย์ที่หนักหนาสาหัสมาก แต่ยังมีเวลา2-3เดือนข้างหน้านี้ จะต้องคิดเหตุการณ์แบบนี้ไว้ล่วงหน้า คงต้องติดตามกันไปทีละช็อต
ผศ.วันวิชิต มั่นใจว่าเหตุการณ์การขับกลุ่มผู้กองธรรมนัสออกไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นภาพความเสียหายทางการเมืองจะพังทลายลงทันที จึงมีความจำเป็นต้องรักษาให้คงอยู่ให้สามัคคีแบบนี้ต่อไป ซึ่งภายในเราไม่รู้ แต่รู้ว่า มันจะเสียภาพทางมูลค่าทางการเมืองของกลุ่ม 3ป. ที่เป็นกลุ่มการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด จะแตกกันไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามต้องประคับประคองกันไปให้รอดไปให้สุดทางให้ได้ในสมัยเลือกตั้งครั้งหน้าค่อยว่ากันอีกที
ทั้งนี้ หากพลเอกประยุทธ์มีการปรับแผนรับมือกับการเกมในสภา ของกลุ่มผู้กองธรรมนัสเพื่อจะยื้อเวลาให้ได้นานที่สุดพลเอกประยุทธ์อาจจะยอมหัก แต่หากยอมงอและมีเงื่อนไขให้ผู้กองธรรมนัสสงบและได้ทำงานจริงๆและพิสูจน์ผลงานว่าล้มเหลวหรือผิดพลาดหรือไม่ สมมติหากดึงกลับมาให้เป็นรัฐมนตรีอีกครั้งได้ในภาพลักษณ์ของพลเอกประยุทธ์ก็จะเป็นในด้านบวก ว่าเป็นคนใจกว้างเป็นคนให้อภัยคน แรงเสียดทานจะไปอยู่ที่ผู้กองธรรมนัสแทนหากได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีเพื่อทำทุจริตก็เป็นช่องที่จะนำไปสู่การลงดาบรอบ 2 ได้
ส่วนที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์และนาย อุตตม สาวนายน ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ประกาศเบื้องต้นไม่ใช่พรรคอะไหล่ของพลเอกประยุทธ์นั้นก็เพื่อจะขายได้และจับจุดอารมณ์ของคนส่วนหนึ่งเริ่มไม่พอใจการทำงานของพลเอกประยุทธ์ ดังนั้น การโชว์ในลักษณะนี้จึงได้ภาพสีขาวแต่ในลักษณะการนำเสนอของนายสนธิรัตน์ และนายอุตตมไม่มีความแตกต่างกับพรรคกล้าและไปตัดคะแนนกันกับพรรคไทยสร้างไทยด้วยซ้ำ แต่มั่นใจว่าคอนเน็คชั่นส์ของนายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจะไม่รื้อฟื้นกลับไปหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เนื่องจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่แฮปปี้อยู่แล้ว อาจจะนำไปสู่ความแตกแยกอีกรอบ การดึงตัวเองปลอดจากขั้วการเมืองอยู่ตรงกลางจะขายได้ง่ายกว่า
และ 14 เดือนนับจากนี้ ถ้าพลเอกประยุทธ์ อยู่ครบวาระอาจจะทำให้อีกหลายคน มาร่วมได้เพราะพลังประชารัฐก็คุ้นเคยกับกลุ่ม 4 กุมาร ท้ายที่สุดก็อาจจะมารวมกันได้ในอนาคต