นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กข้อความว่า กระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่ 4 ให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและได้รับวัคซีนเข็ม 3 สามเดือนขึ้นไป โดยตนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าได้ฉีดวัคซีนตั้งต้นด้วยซิโนแวค 2 เข็ม เดือนเมษายน 2464 ได้ตรวจระดับแอนติบอดีต่อโปรตีนส่วนที่เป็นปุ่มหนามของไวรัสโควิด-19 SARS-CoV2 IgG (Anti Spike) 6 สัปดาห์หลังจากโดสที่ 2 ของซิโนแวคได้ค่า 1,752 AU/ml ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เป็นเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์เข็มแรกด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนกา 2 เดือนหลังฉีดซิโนแวค ตรวจระดับแอนติบอดี 9 สัปดาห์หลังแอสตร้าเซเนกาได้ค่า 12,173 AU/ml ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เป็นเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์เข็มที่ 2 ด้วยวัคซีนโมเดอร์นา 4 เดือนหลังฉีดแอสตร้าเซเนกา ตรวจระดับแอนติบอดี 7 สัปดาห์หลังโมเดอร์นาได้ค่ามากกว่า 40,000 AU/ml
นายแพทย์มนูญ กล่าวว่า การที่ระดับแอนติบอดีขึ้นสูงหลังการฉีดเข็มกระตุ้นไม่ได้บอกว่าจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน แต่เป็นสัญญาณที่ดีว่า ถ้าติดเชื้อสามารถลดความรุนแรงของโรค ลดการป่วยหนักเข้านอนในรพ.และลดการเสียชีวิตได้ ล่าสุดมีรายงานจากประเทศอิสราเอล ถึงจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 4 เข็มให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ก็ยังติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้ แต่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยหรือบางคนไม่มีอาการ
นายแพทย์มนูญ กล่าวว่า Dr.Janet Woodcock หัวหน้าองค์การอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแพทย์อีกท่านหนึ่งที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าในที่สุดคนอเมริกันเกือบทุกคนจะติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน คนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม 2 เข็ม กระตุ้นบูสเตอร์ 2 เข็มด้วยแอสตร้าเซเนกาและไฟเชอร์หรือโมเดอร์นา รวมเป็น 4 เข็ม ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องฉีดเข็มวัคซีนเข็มที่ 5 หรือ 6 (เป็นเข็มกระตุ้นบูสเตอร์เข็มที่ 3 หรือ 4) สำหรับคนที่ได้รับแอสตร้าเซเนกา 2 เข็ม กระตุ้นบูสเตอร์ด้วยไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา 1 เข็ม ก็ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นด้วยการฉีดเข็ม 4 หรือเข็ม 5 ต่อให้มีวัคซีนรุ่นใหม่ที่กำลังผลิตขึ้นมาจำเพาะเจาะจงกับสายพันธุ์โอมิครอนก็ตาม เพราะทุกคนคงติดเชื้อโอมิครอนไปแล้วก่อนหน้าที่วัคซีนรุ่นใหม่จะออกมา